ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 31 ลงเตะกันต่อในค่ำคืนวันพุธ และวันพฤหัสบดี โดย 3 ทีมนำอย่าง อาร์เซน่อล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล ไม่พลาดเก็บ 3 แต้ม เพื่อลุ้นแย่งแชมป์กันต่อในอีก 8 นัดที่เหลือ ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อาร์เซน่อล 2-0 ลูตัน ทาวน์
ลูตัน มาเล่นแบบต่อบอลใส่ และไม่เกรงกลัวว่าเจ้าบ้านเป็นทีมใหญ่ แต่ในความกล้ามันเป็นการทำร้ายตัวเอง เมื่อการเสียบอลกลางทาง ทำให้ อาร์เซน่อล ฉกบอลไปจู่โจมเร็วได้ แล้วเพียงแค่ 24 นาที อาร์เซน่อล ก็มายิงนำ 1-0 ได้สำเร็จ และยิงทิ้งห่างเป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลัง รูปเกมออกไปทางน่าเบื่อเสียส่วนใหญ่ เพราะมันเสมือนกับไอ้ปืนใหญ่กำลังซ้อมกันอยู่ จบเกมนี้ลูกทีมของ อาร์เตต้า แซงขึ้นมารั้งจ่าฝูง ก่อนที่ ลิเวอร์พูล จะลงเตะในคืนวันพฤหัสบดี
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-1 แอสตัน วิลล่า
ทันทีที่นกหวีดดังขึ้น แมนซิตี้ ก็ขึงบอลใส่ผู้มาเยือนทันที แล้วเพียงแค่นาทีที่ 11 ก็มาพังประตูนำ 1-0 จาก โรดรี้ แต่ความหละหลวม ปนความประมาทของแนวรับเจ้าถิ่น ที่ปล่อยให้แนวรุก แอสตัน วิลล่า ทำชิ่งแล้วได้ล่อเป้า ก็ได้กลายเป็นประตูตีเสมอ 1-1 แบบไม่ควรจะเสีย นั่นจึงทำให้ แมนซิตี้ ต้องขึงเกมบุกต่อไป กระทั่งก่อนจบครึ่งแรก โฟเด้น ยิงฟรีคลิกผ่านช่องกำแพงที่แตกเข้าไปเป็น 2-1 ส่วนครึ่งหลัง ก็ยังคงเป็นเรือใบสีฟ้า ที่ยังได้ขึงต่อเนื่อง จนมาได้ประตูทิ้งห่าง 3-1 ในนาทีที่ 62 และ 4-1 นาทีที่ 70 จบเกม แมนซิตี้ ยังอยู่ที่ 3 ตามเดิม แต่คะแนนไล่จี้ อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล ที่อยู่ในอันดับ 1 และ 2 ของตาราง
เบรนท์ฟอร์ด 0-0 ไบร์ทตัน
เบรนท์ฟอร์ด เป็นฝ่ายทักทายด้วยจังหวะจบสกอร์ที่หวาดเสียว แต่เมื่อเกมผ่านครึ่งชั่วโมงแรกเป็นต้นไป กลายเป็นไบรท์ตัน เริ่มตั้งเกมติด เริ่มมีจังหวะส่องประตูตอบโต้ แต่ทั้งหมดล้วนยิงหลุดกรอบ ยิงเหินข้ามคาน ไม่ก็เข้ามือผู้รักษาประตู จนไม่มีลุ้นที่จะยิงประตูขึ้นนำ ทำให้เกมนี้เสมอกัน 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม
ลิเวอร์พูล 3-1 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายครองบอลมากกว่า แต่ประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 17 ผู้รักษาประตูของทีมเยือนเปิดบอลติด นูเญช จนบอลกระดอนเข้าประตูไป จากนั้นเป็นเจ้าบ้านที่บุกอยู่ฝ่ายเดียว แต่ยังเฉียวไปเฉียวมา กระนั้นในครึ่งหลัง เชฟฟิลด์ที่แทบจะไม่มีโอกาสยิงประตู กลับมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 58 จากการโหม่งแล้วไปแฉลบขา แบร์ดลี่ย์ นั่นจึงทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องโหมบุกให้หนักกว่าเดิม กระทั่งนาทีที่ 76 แม็ค อลิสเตอร์ ยิงเต็มแรงเสียบสามเหลี่ยมแบบไม่ต้องเซฟ และประตูปิดกล่อง 3-1 มาจากการเปิดด้านข้างให้ กัคโป โหม่งกดลงพื้นเป็น 3-1 จบเกม หงส์แดงเก็บ 3 แต้ม ยึดตำแหน่งจ่าฝูงคืนก่อนทำศึกแดงเดือดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์นี้
เชลซี 4-3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เปิดเกมมาได้เพียง 5 นาที บอลแฉลบขา วาราน ไปเข้าทางปืนของ กัลป์ลาเกอร์ ยิงให้ เชลซี ออกนำไปก่อน 1-0 และ มาบวกประตูเพิ่มเป็น 2-0 จากจุดโทษของ พาลเมอร์ ในนาทีที่ 19 นั่นจึงทำให้ทีมเยือนเกิดอาการเมาหมัด จนเกือบจะโดนยิงลูกที่ 3 แต่การจ่ายบอลพลาดง่าย ๆ ของเจ้าถิ่น ทำให้ แมนยู กลับมาได้ด้วยการฉกบอล แล้วเข้าไปยิงตีตื้นเป็น 2-1 ในนาทีที่ 35 และหลังจากนั้น 3 นาที ปีศาจแดงตามตีเสมอเป็น 2-2 จากการโหม่งย้อนทางของ บรูโน่
ครึ่งหลังเป็นเกมแลกหมัดกันคนละที สุดท้ายเป็นแมนยู ที่ได้ประตูแซงนำ 2-3 จากการสวนกลับและดีดไซร์ก้อยให้ การ์นาโช่ โหม่งจิ้มเข้าไปในนาทีที่ 67 นั่นจึงทำให้ เชลซี พยายามทำเกมบุกเพื่อเอาประตูคืน แต่ยิงยังไงก็ไม่ได้คืน จนทำท่าว่าวันนี้จะต้องแพ้คาบ้าน กระทั่ง ดาร์โล่ ไปทำฟาวล์จนเสียจุดโทษ เชลซี จึงตามตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 90+10 และให้หลังเพียงนาทีเดียว พาลเมอร์ ยิงแฉลบแนวรับทีมเยือน พลิกแซงชนะ 4-3 แบบสุดสะใจ
