
ศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบสุดท้าย ได้ครบ 24 ทีม ที่จะลงแข่งขันในกลางปีนี้เป็นที่เรียบร้อย โดย 3 ทีมสุดท้าย ที่สามารถฝ่าฟันรอบเพลย์ออฟมาได้ เป็นคนหน้าคุ้นเคยอย่าง โปแลนด์ และ ยูเครน ที่เคยเป็นเจ้าภาพร่วมกันในยูโร 2012 ส่วนที่น่าเซอร์ไพรส์ที่สุดหนีไม่พ้น จอร์เจีย ที่สามารถทะลุเข้าสู่รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ทีมชาติโปแลนด์
โปแลนด์ ถือเป็นขาประจำของฟุตบอลยูโรรอบสุดท้าย ที่อย่างน้อยจะต้องผ่านมาให้เห็นกันบ้าง แต่ในรอบคัดเลือกครั้งนี้ ดันทำแต้มสำคัญหล่นไปหลายนัด ทำให้ไม่ติด 1 ใน 2 ของกลุ่ม E ซึ่งการเพลย์ออฟในพาธ A พวกเขาได้เจอของง่ายอย่าง เอสโตเนีย ทีมบ๊วยจากกลุ่ม F แต่ได้สิทธิ์มาเพลย์ออฟ เพราะจบอันดับ 1 ของลีก D ในยูฟ่า เนชั่นเนลลีก โดยความห่างชั้นของทั้ง 2 ทีม ยิ่งห่างขยายกว้างออกไปอีก เมื่อ เอสโตเนีย เหลือผู้เล่น 10 คน ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ทำให้ โปแลนด์ ปิดประตูไล่ถล่มขาดลอย 5-1
เกมนัดชิงดำต้องเจอกับ เวลส์ ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกันพอสมควร แต่เมื่อเกมเริ่มขึ้น โปแลนด์ ดูเป็นรองเล็กน้อย เมื่อสถิติฟ้องว่าพวกเขายิงบอลไม่ตรงกรอบเลย จนต้องไปตัดสินด้วยลูกจุดโทษ สุดท้ายเป็น โปแลนด์ ที่แม่นกว่าและยิงเข้าทุกคน จนสามารถคว้าชัยชนะด้วยสกอร์ 4-5 ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายแบบลุ้นระทึก
ทีมชาติยูเครน
ยูเครน ต้องจบอันดับ 3 ของกลุ่ม C แบบน่าเจ็บใจ เพราะมีคะแนนเท่ากับแชมป์เก่าอย่าง อิตาลี ที่มี 14 คะแนน ทำให้หล่นมาเพลย์ออฟในพาธ B ซึ่งการเพลย์ออฟนัดแรกกับ บอสเนีย เหมือนจะเจอกับงานยาก เมื่อเป็นฝ่ายทำเข้าประตูตัวเองในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย ยูเครน มาเร่งเครื่องยิง 2 ประตู แซงเอาชนะไปได้แบบหืดจับ
เกมนัดชี้ชะตากับ ไอซ์แลนด์ ก็ยังคงเป็น ยูเครน ที่ดูดีกว่า แต่ก็มาเสียประตูก่อนในครึ่งแรก ทำให้ครึ่งหลังต้องมีการปรับแท็กติก แล้วสามารถยิงประตูตีเสมอ 1-1 ได้เร็ว จากนั้น ยูเครน พยายามจะหาจังหวะยิงเพื่อปิดเกม กระทั่งมายิงประตูชัย 2-1 ได้สำเร็จ ในนาทีที่ 84 ทำให้ทัพฟ้า-เหลือง ตีตั๋วเข้ารอบสุดท้ายได้สำเร็จ พร้อมกับเป็นของขวัญแก่แฟนบอลทั้งประเทศ ที่ตอนนี้กำลังเผชิญต่อความยากลำบากในช่วงสงคราม
ทีมชาติจอร์เจีย
จอร์เจีย เป็นชาติในกลุ่มเกรด C ซึ่งไม่ใช่ทีมชั้นนำ และไม่เคยเล่นยูโรรอบสุดท้าย อีกทั้งในรอบคัดเลือก พวกเขาก็ทำได้ดีที่สุด ด้วยการจบอันดับ 4 ของกลุ่ม A แต่ก็เป็นอีกทีมที่ได้มาเล่นรอบเพลย์ออฟ เพราะจบอันดับ 1 ของลีก C ในยูฟ่า เนชั่นเนลลีก ส่วนการเพลย์ออฟในนัดแรก โชคดีที่ได้เจอทีมศีลเสมอกันอย่าง ลักเซมเบิร์ก ซึ่งในเกมก็เชือดเฉือนกันอย่างสูสี แล้วเป็น จอร์เจีย ที่ออกนำก่อน 1-0 ขณะที่ครึ่งหลัง ลักเซมเบิร์ก เอาคืน 1-1 แต่ก็มิวายมาถูกยิงนำ 2-1 อีกครั้ง แล้วเจ้าบ้านเลือกปิดเกม จนเป็นฝ่ายเฉือนชนะ
นัดชี้ชะตากับ กรีซ ถือเป็นเกมที่สำคัญต่อ จอร์เจีย เพราะนี่คือโอกาสที่ใกล้เคียงที่สุด สำหรับการไปลุยทัวร์นาเมนต์ระดับทวีป ซึ่งในเกมนี้ จอร์เจีย ดูเป็นรองเล็กน้อย แต่มันยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น เมื่อพวกเขาต้องเหลือตัวผู้เล่น 10 คน ก่อนจบครึ่งแรก อย่างไรก็ดี จอร์เจีย ไม่เสียศูนย์ และพยายามยื้อเกมนี้ออกไปให้ถึงจุดโทษ สุดท้ายพวกเขายิงเป้าได้แม่นกว่า ทำให้เป็นฝ่ายโค่น กรีซ 4-2 พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ให้กับตัวเอง ด้วยการไปเล่นฟุตบอลยูโร รอบสุดท้าย เป็นครั้งแรก