
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 30 สถานการณ์ในกลุ่มหนีตายได้เพิ่มความเข้มข้น เมื่อ ฟอเรสต์ ถูกตัดถึง 5 แต้ม จนต้องตกลงมาอยู่ในโซนแดง และเป็นอีกหนึ่งทีมที่ต้องหนีตายแบบเต็มตัว ส่วนในกลุ่มหัวตารางมีเกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ และมีผลถึงการลุ้นแชมป์ เมื่อ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะต้องตัดกับ อาร์เซน่อล ซึ่งหากใครคว้าชัยในเกมนี้ ก็จะเป็นการถีบผู้แพ้ให้ลงไปอยู่ในอันดับ 3 ทันที
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (วันเสาร์, 19.30 น.)

เกมคู่แรกที่เซนต์เจมส์พาร์ค นิวคาสเซิ่ล มีผลงานนอกบ้านไม่ดี ส่วนการเล่นบ้านยังพอไหว หากเจอกับทีมระดับเดียวกัน หรือต่ำกว่า ส่วนผู้มาเยือนอย่าง เวสต์แฮม ยังคงทรง ๆ หลังจากมีผลงานที่ย่ำแย่ตั้งเริ่มปี 2024 ทำให้เกมนี้มองว่า สาริกาดง จะไม่แพ้ในบ้าน เหลือแค่เสมอ หรือชนะก็เท่านั้น
เชลซี พบกับ เบิร์นลีย์ (วันเสาร์, 22.00 น.)

กว่า เชลซี จะคว้าชัยชนะในแต่ละเกม รูปเกมจะออกแนวหืดจับจนเป็นเอกสัญลักษณ์ไปแล้ว เพราะขนาดเกมล่าสุดกับ เลสเตอร์ ในถ้วย FA Cup ยังปล่อยให้จิ้งจอกสยามตามตีเสมอ 2-2 จนต้องมาเร่งเครื่องในช่วงท้าย แล้วเอาชนะไปได้ 4-2 ส่วนผู้มาเยือนอย่าง เบิร์นลีย์ คว้าชัยชนะในเกมล่าสุด แต่กว่าจะ 3 แต้ม ก็ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร ฉะนั้นเกมนี้ สิงห์บูลควรเก็บ 3 คะแนน เพราะตัวเองเป็นต่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นในบ้าน และศักยภาพของผู้เล่น
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พบกับ ฟูแล่ม (วันเสาร์, 22.00 น.)

เชฟฟิลด์ อยู่อันดับ 20 ของตาราง ด้วยการมี 14 คะแนน และห่างจากโซนปลอดภัย 8 แต้ม ทำให้ยากต่อการรอดตกชั้น เมื่อมีเกมเหลือในมือเพียง 10 นัด อีกทั้งในเกมล่าสุดก็ทำแต้มหล่น เมื่อถูกบอร์นมัธ ตามตีเสมอ ส่วน ฟูแล่ม ช่วงไหนมีความมั่นใจ พวกเขาจะใช้เกมเหย้าถล่มคู่แข่งแบบไม่ปราณี ส่วนเกมเยือนจะลดความอันตรายลงมา ทำให้การบุกไปเยือนในครั้งนี้ เจ้าสัวน้อยน่าจะมีแต้ม และหากเล่นได้ตามฟอร์ม ก็มีโอกาสมองถึง 3 แต้ม ได้เหมือนกัน
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ พบกับ คริสตัล พาเลช (วันเสาร์, 22.00 น.)

สถานการณ์ของ ฟอเรสต์ วิกฤตทันที เมื่อถูกตัด 5 แต้ม และลงมาอยู่ในโซนตกชั้น ทำให้เกมในบ้านนัดนี้ มีความหมายอย่างยิ่งที่จะต้องเก็บ 3 แต้ม ให้ได้ ส่วน พาเลช การเปลี่ยนโค้ชใหม่ ยังไม่ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปจากยุคของ รอยส์ เท่าไรนัก ฉะนั้นเกมนี้มองว่า เจ้าป่าจะลุยเต็มที่ และจะมีอย่างน้อย 1 แต้ม ขณะที่โอกาสคว้าชัย น่าจะอยู่ที่ราวๆ 30%
บอร์นมัธ พบกับ เอฟเวอร์ตัน (วันเสาร์, 22.00 น.)

บอร์นมัธ ในตอนนี้ กลายเป็นทีมที่มีอาการแกว่งเมื่อโดนคู่แข่งกดดันหนัก ๆ อย่างเช่นในเกมล่าสุดกับ ลูตัน ที่ดูเหมือนจะหมดหวังไปแล้ว แต่ก็ยังสวมหัวใจสิงห์ กลับมายิงแซงชนะ 4-3 ส่วนทางฝั่ง เอฟเวอร์ตัน กลายเป็นทีมที่ไร้รูปแบบในเกมรุก และจะมีแค่การโยนบอลไปในกับกองหน้าเท่านั้น ทำให้การเก็บชัยชนะกลายเป็นเรื่องยากทันที ฉะนั้นเกมนี้ เดอะเชอร์รี่ดูดีกว่า และน่าจะเฉือนชนะได้
สเปอร์ส พบกับ ลูตัน ทาวน์ (วันเสาร์, 22.00 น.)

สเปอร์ส บุกไปโดน ฟูแล่ม ยิงถล่มถึง 3 เม็ด ซึ่่งนั่นถือเป็นความเสียหายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะมีผลต่อเกมนี้ ที่จะพลาดการเก็บ 3 แต้ม ไปอีกไม่ได้แล้ว ขณะที่ ลูตัน ช่วงหลังออกผลเสมอเยอะ ทำให้คะแนนก้าวทีละแต้ม และหนีจากโซนแดงไม่พ้นเสียที อย่างไรก็ดี การบุกไปเยือนไก่เดือยทอง ดูยังไงก็รอดยาก และผลท่ี่คาด คือ เจ้าบ้านคว้าชัยชนะ
แอสตัน วิลล่า พบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน (คืนวันเสาร์, 00.30 น.)

เมื่อไรที่ แอสตัน วิลล่า เจอเกมยุโรปคั่นกลาง ผลงานในลีกมักไม่ดี ส่วนเกมในบ้านนัดนี้ น่าจะดีกว่าเดิม เพราะได้พักเต็มที่ ฟิตเต็มถังในช่วงเบรกทีมชาติ ส่วนผู้มาเยือนอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน กลายเป็นทีมที่คาดเดาอะไรได้ยาก เพราะเกมไหนเข้าทาง ทีมใหญ่ก็เอาชนะได้ แต่ถ้าเกมไหนเกิดไม่อยากเอา ก็แพ้คาบ้านได้แบบดื้อ ๆ ฉะนั้นในความไม่แน่นอนของทีมเยือน ทำให้มองไปที่ สิงห์ผยอง ว่าน่าจะเป็นฝ่ายเกมชัยชนะในเกมนี้
เบรนท์ฟอร์ด พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (คืนวันเสาร์, 03.00 น.)

6 นัดหลังสุดของ เบรนท์ฟอร์ด ไม่ชนะใคร จนระยะห่างจากโซนตกชั้น เหลือแค่ 5 คะแนน เท่านั้น ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งคว้าชัยชนะเหนือคู่แค้นอย่าง ลิเวอร์พูล 4-3 ในเกมฟุตบอลถ้วย FA Cup ซึ่งไม่แน่ว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยน สำหรับช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ก็ได้ ทำให้เกมนี้มองว่า ปีศาจแดงน่าจะไม่แพ้ และจะมีอย่างน้อย 1 คะแนน
ลิเวอร์พูล พบกับ ไบรท์ตัน (วันอาทิตย์, 20.00 น.)

ลิเวอร์พูล มีข่าวดี เมื่อตัวที่บาดเจ็บใกล้กลับมาลงสนาม ส่วนผลงานในบ้าน คือ จุดแข็งอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะที่ ไบรท์ตัน การไปเยือนทีมที่เหนือกว่า พวกเขามักกลับออกมาแบบมือเปล่า ฉะนั้นเกมนี้ หงส์แดงไม่น่ามีปัญหากับการเก็บ 3 แต้ม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ อาร์เซน่อล (วันอาทิตย์, 22.30 น.)

เกมซุปเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในอันดับ 3 ของตาราง โดยเกมล่าสุดบุกไปยันเสมอ ลิเวอร์พูล แบบหืดจับ ส่วนทางฝั่ง อาร์เซน่อล แซงจากอันดับ 3 ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูง และฟอร์มในช่วงหลังก็เก็บชัยรวดแบบไม่มีสะดุด ขณะที่เกมนัดนี้ เชื่อว่าจะสูสีและได้ลุ้นทุกจังหวะ จนมีโอกาสสูงที่จะเสมอกัน หรือหากมีผู้ชนะ ก็น่าจะเป็นเจ้าบ้านอย่างเรือใบสีฟ้า