
สารคดีอัตชีวประวัติของ เดวิด เบ็คแฮม ได้ลงฉายอย่างเป็นทางการใน Netfix จำนวน 4 ตอนด้วยกัน โดยเนื้อหาทั้งหมด ได้เล่าย้อนถึงตัวเองตั้งแต่เป็นเด็ก จนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเส้นทางลูกหนังของ เบ็คแฮม จะเป็นอย่างไร นับจากนี้เราจะมาสรุปตอนที่ 1 ให้ได้ฟังกัน

สารคดีเปิดตัวด้วยลูกยิงไกลครึ่งสนามของ เบ็คเฮม ใส่วิมเบอร์ดัน เมื่อปี 1996 ซึ่งถือเป็นประตูสุดคลาสสิกลูกหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนัง และเป็นจังหวะแจ้งเกิดของเจ้าหนูเบ็คแฮม จากนั้นได้สัมภาษณ์พ่อ-แม่ โดยทางฝั่งพ่อได้เล่าว่า เขาเป็นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเซอร์บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นไอดอล นั่นจึงทำให้เขาปลูกฝังการเล่นฟุตบอลให้ลูกตั้งแต่เด็ก ขณะที่ฝั่งแม่ ชอบดูฟุตบอล แต่ไม่ได้บังคับว่าลูกจะต้องเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และอยากให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ชอบ เพื่อให้สิ่งนั้นกลายเป็นอาชีพที่รัก

เซอร์อเล็กช์ เฟอร์กูสัน ได้เข้ามารับงานคุมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับมีภารกิจในการกอบกู้สโมสร หลังจากร้างแชมป์ลีกไปนานถึง 25 ปี ซึ่งหนึ่งในโปรเจคการสร้างทีมของเขา คือการดึงเยาวชนฝีเท้าดีขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ แล้ว เบ็คแฮม เป็นคนที่ตอบโจทย์ เพราะมีแววตั้งแต่เห็นครั้งแรก กระทั่งได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่และรับบาทเป็นตัวสำรอง โดยการลงมาเป็นตัวเปลี่ยนเกม ก็ทำให้รุ่นพี่ในทีมอย่าง สตีฟ บรูช หรือ คันโตน่า ต่างยอมรับในฝีเท้าของเด็กรายนี้ ว่ามีความฉลาดหลักแหลม และเป็นกำลังหลักของทีมในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ในมุมของ แกรี่ เนวิลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะเยาวชน ที่ขึ้นมาพร้อม ๆ กับเบ็คแฮม กลับเล่าย้อนถึงอดีตว่า เบ็คแฮม ไม่ชอบฟังผมพูด เพราะผมเป็นคนที่พูดมาก และเคร่งในแผนการเล่น อย่างไรเสียเราสามารถเล่นร่วมกันได้ เพราะมีเซนส์ที่ทันกัน

ความโด่งดังของ เบ็คแฮม ทำให้เจ้าตัวได้รับโอกาสจากวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นงานถ่ายแบบโฆษณา ออกรายการโทรทัศน์ ถ่ายแบบนิตยสาร รวมถึงมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุน นั่นจึงทำให้ เบ็คแฮม มีเงินหลั่งไหลเข้ามาอย่างมหาศาล แต่ในช่วงเวลานั้น ดาวเตะหน้าหล่อกลับไม่มีวินัยในการใช้เงิน เพราะเมื่อได้เงินมาเท่าไร ก็นำไปซื้อของที่อยากได้ทันที ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากเพื่อนร่วมทีม รวมถึงมีการกล่าวตักเตือนว่า ควรมีวินัยในการใช้เงิน มิเช่นนั้นนายจะลำบากเมื่อชื่อเสียงหมดไป
ส่วนในเรื่องของความรัก เบ็คแฮม ก็ได้พบรักกับ วิคตอเรีย นักร้องสาวสุดฮอตจากวงสไปซ์เกิร์ล โดยทางฝั่ง เบ็คแฮม ยอมรับแต่โดยดีว่าเป็นฝ่ายจีบ ขณะที่ วิคตอเรีย เล่าถึงอดีตว่า ไม่เคยดูฟุตบอล ไม่รู้จัก เบ็คแฮม ไม่รู้ว่าเป็นนักฟุตบอลที่โด่งดัง แต่ที่ยอมคบด้วย เพราะรู้สึกเข้ากันได้เมื่อคุยด้วย ส่วนในมุมของสื่อ ถูกมองว่าเป็นความรักของเด็กวัยรุ่น และคบกันเพราะชื่อเสียงที่โด่งดัง ซึ่งไม่น่าจะมีความรักที่ยืนยาวได้ กระนั้น เมื่อเวลายิ่งผ่านไป เบ็คแฮม ก็ได้แสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังกับ วิคตอเรีย มาก เพราะสิ่งที่ทำเป็นประจำ คือ โทรศัพท์หาทุกวัน ไปจนถึงการขับรถกจาก แมนเชสเตอร์ ไปยัง ลอนดอน แม้จะได้เจอหน้ากันแค่ 10 นาที

ชื่อเสียงที่โด่งดัง ผนวกกับอาการคลั่งความรักของ เบ็คแฮม ดูเหมือนจะเป็นเรื่องอันตรายสำหรับนักฟุตบอล ที่อาจทำให้สมาธิการในการเล่นสูญเสียไป แต่ในช่วงปี 1997 เบ็คแฮม สามารถรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีไว้ได้ จนกระทั่งฟุตบอลโลก 1998 ทีมชาติอังกฤษ ถูกคาดหมายว่าจะเข้ารอบลึก ๆ แต่เมื่อผ่าน 2 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม กลับเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก อีกทั้งสื่อก็ได้วิจารณ์เฮดโค้ชอย่างหนัก ถึงการจับ เบ็คแฮม นั่งข้างสนามใน 2 เกมแรก ทำให้เกมนัดสุดท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติอังกฤษ ต้องยอมส่ง เบ็คแฮม ตามคำเรียกร้อง ก่อนจะเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยเหนือ โคลัมเบีย พร้อมกับผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะอันดับ 2

ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมชาติอังกฤษ ต้องโคตรมาพบกับ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ซึ่งถือเป็นเกมใหญ่ของรอบนี้ และในเกมนั้น อังกฤษ ยิงประตูนำไปก่อน จนทุกอย่างดูจะเข้าทาง แต่จุดเปลี่ยนของเกมดันมาเกิดขึ้น เมื่อ เบ็คแฮม โดน ซิเมโอเน่ ล้มทับ แล้วเจ้าตัวได้ยกเท้าไปเคาะที่แข้งของคู่แข่งแบบไม่รุนแรง แต่กรรมการดันเล่นบทโหด ด้วยการแจกใบแดงทันที จากนั้น ทีมชาติอังกฤษ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง และถูกตีเสมอ แล้วเกมยื้อไปถึงการดวลจุดโทษ สุดท้ายทัพฟ้าขาวยิงแม่นกว่า จึงเป็นฝ่ายเอาชนะไป ทำให้หลังเกม สื่อได้โจมตีว่า เบ็คแฮม คือตัวแปรที่ทำให้ทีมต้องพ่ายแพ้ ส่วนแฟนบอลทีมชาติอังกฤษ แน่นอนว่าต้องผิดหวัง เพราะเป็นการตกรอบที่รวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่ตั้งเป้าหมายสูงถึงการเป็นแชมป์ รวมถึงมีการด่าสาปส่ง เบ็คแฮมแบบพร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ
สารคดีอัตชีวประวัติ เดวิด เบ็คแฮม ตอนที่ 2 “1998/99 ฤดูกาลแห่งมรสุมชีวิต”