
ศึกฟุตบอล FA Cup รอบที่ 4 แข่งขันกันเสร็จสิ้นไปแล้ว ซึ่งมีหลายโมเมนต์ประกอบกันไป ไล่ตั้งแต่ ทีมเต็งผ่านเข้ารอบตามโผ เสมอกันจนต้องรีเพลย์อีกนัด และทีมใหญ่โดนโค่นจนตกรอบไป ซึ่งผลการแข่งขันทุกคู่จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปตามกันต่อได้ด้านล่างนี้
บอร์นมัธ 5-0 สวอนซี ซิตี้
ก่อนเกม บอร์นมัธ เป็นต่อทุกอย่าง ทั้งการที่ทีมมีศักยภาพเหนือกว่า และได้เล่นในบ้าน ซึ่งทันทีเกมเริ่มต้นขึ้น เดอะเชอร์รี่ ไล่ยิง 3-0 ตั้งแต่ 15 นาทีแรก และมายิงเพิ่มอีก 2 ลูก ในช่วง 10 นาทีท้ายของครึ่งแรก ขณะที่ครึ่งหลังไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม บอร์นมัธ ชนะไป 5-0
เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ 1-1 โคเวนทรี ซิตี้
คู่นี้เป็นการพบกันของ 2 ทีมจากเดอะแชมป์เปี้ยนส์ชิพ โดยในครึ่งแรก ทำท่าจะเจ๊ากัน แต่ โคเวนทรี มายิงขึ้นนำในนาทีที่ 45 ส่วนครึ่งหลัง เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ บุกแล้วบุกอีกก็ดูจะเจาะไม่ได้ กระทั่งนาทีที่ 84 มายิงตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ทำให้กลายเป็นคู่แรกที่ต้องไปเล่นนัดรีเพลย์
เชลซี 0-0 แอสตัน วิลล่า
เป็นเกมใหญ่อีกคู่ของรอบนี้ เพราะ 2 ทีมยักษ์โคจรมาเจอกัน โดยเกมนี้ เชลซี ครองบอลมากว่า แต่จบไม่คม ขณะที่ วิลล่า อาจจะครองบอลน้อยและเน้นความรัดกุม แต่สามารถจบสกอร์ได้น่ากลัวกว่ากระนั้น ต่างฝ่ายต่างยิงกันไม่ได้ ทำให้คู่นี้ต้องไปเล่นนัดรีเพลย์ที่วิลล่าพาร์ค
บริสตอล ซิตี้ 0-0 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์
บริสตอล เพิ่งล้มยักษ์อย่าง เวสต์แฮม มาได้ ทำให้เกมนี้เป็นโอกาสที่จะล้มยักษ์อีกตัว เพราะ ฟอเรสต์ ก็เป็นทีมจากพรีเมียร์ลีก แต่ชื่อชั้นและศักยภาพ จัดว่าเป็นรองขุนค้อน ซึ่งตลอด 90 นาที เจ้านกน้อยสามารถต่อกรกับเจ้าป่าได้อย่างสูสี แต่เสียอย่างเดียวคือ ยิงไม่ตรงกรอบเลยสักหน ทำให้เสมอกันไป 0-0 และต้องไปรีเพลย์ที่ ซิตี้ กราวด์
สเปอร์ส 0-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
สเปอร์ส มีสถิติที่ดีเมื่อเล่นกับ แมนซิตี้ แต่ในเกมนี้กลับต่างออกไป เมื่อทัพไก่เดือยทองขาดผู้เล่นตัวหลัก ทั้งจากการไปรับใช้ทีมชาติ และโดนอาการบาดเจ็บเล่นงาน ทำให้ตลอดทั้งเกม แมนซิตี้เป็นฝ่ายครองบอลและกดหัวแทบจะข้างเดียว แต่ก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายได้ กระทั่งนาทีที่ 88 เขื่อนก็แตก เมื่อเรือใบสีฟ้า กระทุ้งประตูขึ้นนำ 0-1 จาก อาเก้ พร้อมกลับเป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบต่อไป
อิปสวิช ทาวน์ 1-2 เมดสโตน ยูไนเต็ด
นี่คือเกมพลิกล็อคของรอบนี้อย่างแท้จริง เพราะทางฝั่ง อิปสวิช เป็นทีมจากเดอะแชมป์เปี้ยนส์ชิพ ตรงข้ามกับ เมดสโตน ที่เล่นอยู่ในดิวิชั่น 6 ซึ่งเป็นลีกสมัครเล่น โดยในเกมนี้ ม้าขาวปูพรมเกมบุกใส่ตลอดทั้งเกม แต่เมื่อสิงห์แสดสวนกลับ พวกเขามีความคมดั่งใบมีด เพราะมีโอกาส 2 ครั้ง ก็เปลี่ยนเป็น 2 ประตู ทำให้เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบ พร้อมกับสร้างสถิติเป็นทีมจากดิวิชั่นต่ำสุด ที่ผ่านเข้าถึงรอบ 5 ในปีนี้
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 2-5 ไบรท์ตัน
เกมคู่นี้เหมือนจะได้บทสรุปตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก เมื่อ ไบทร์ทตัน ออกนำไปก่อน 0-2 แต่พอเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก เชฟฟิลด์ มาเร่งเครื่องเต็มกำลัง จนได้ประตูตีเสมอ 2-2 จากนั้นใน 45 นาทีหลัง เจ้านกนางนวลมาได้ 2 จุดโทษเปลี่ยนเกม จนยิงทิ้งห่างไป 2-4 ก่อนที่ในช่วงทดเวลา จะมายิงปิดกล่องจากมหาเทพเวลเบ็ค ให้ทีมเอาชนะไป 2-5
ลีดส์ ยูไนเต็ด 1-1 พลีมัธ อาร์ไก
ลีดส์ ดูเป็นต่อกว่าเล็กน้อย เมื่อดูจากอันดับในตารางคะแนน ซึ่งในเกมนี้ก็เป็นเช่นนั้น เมื่อยูงทอง เป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า แล้วสามารถยิงนำ 1-0 ในครึ่งแรก แต่เมื่อเช้าสู่ 45 นาทีหลัง พลีมัธ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ด้วยการเร่งจังหวะจนยิงตีเสมอ 1-1 ได้สำเร็จ ทำให้เป็นอีกคู่ที่จะต้องเล่นนัดรีเพลย์
เลสเตอร์ ซิตี้ 3-0 เบอร์มิงแฮม ซิตี้
เกมคู่นี้เป็นการพบกันของ 2 ทีม จากเดอะแชมป์เปี้ยนส์ชิพ ซึ่งตลอด 90 นาที ก็สู้กันได้อย่างสูสี แต่ความเฉียบคมในการจบสกอร์ กลายเป็นตัวแปรสำคัญในเกมนี้ เมื่อ เลสเตอร์ ยิงตรงกรอบน้อยกว่า แต่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 3 ลูก ทำให้เป็นฝ่ายแบเบอร์เข้ารอบที่ 5
เอฟเวอร์ตัน 1-2 ลูตัน ทาวน์
ทั้ง 2 ทีม ต่างจัดชุดผสมและส่งตัวสำรองลงสนาม โดยประตูแรกของเกมนี้ มาจากการทำเข้าประตูตัวเองของเจ้าบ้าน แต่ในครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน มายิงตีเสมอ 1-1 จนทำท่าว่าเกมนี้จะต้องเจ๊ากันอีกคู่ กระทั่งช่วงทดเวลา 90+6 ลูตัน มาได้ประตูชัย 1-2 จาก วู้ดโรว์ ทำให้เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบต่อไปแบบสุดระทึกใจ
ฟูแล่ม 0-2 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ผลงานของ นิวคาสเซิ่ล จัดว่าย่ำแย่ ทำให้เกมนี้ส่งตัวจริงเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ทำได้ไม่เลว เมื่อบุกไปนำ 0-1 ก่อนจบครึ่งแรก และมาบวกประตูที่ 2 เมื่อเกมผ่าน 1 ชม. ทำให้สาลิกาดง ผ่านเข้ารอบที่ 5 และยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์
เวสต์บรอมวิช 0-2 วูล์ฟแฮมป์ตัน
เกมคู่นี้เป็นการพบกันของ 2 คู่รักคู่แค้นจากเมืองเบอร์มิ่งแฮม ซึ่งในเกมนี้ได้มีเหตุแฟนบอลตีกัน ส่วนเกมในสนามก็ใส่กันอย่างดุเดือด โดยไม่สนว่าใครจะอยู่ลีกไหน สุดท้ายศักยภาพที่เหนือกว่าของ วูล์ฟ ก็ได้นำพาให้พวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไป
วัตฟอร์ด 1-1 เซาแธมป์ตัน
เป็นอีกคู่ที่ 2 ทีมจากเดอะแชมป์เปี้ยนส์ชิพ โคจรมาพบกัน โดยเกมนี้มีประตูเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจากทางฝั่ง วัตฟอร์ด ในนาทีที่ 5 พร้อมกับดูเหมือนว่าเจ้าถิ่นจะลอยลำ แต่ก่อนทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งหลัง นักบุญมายิงตีเสมอ 1-1 จาก สจ๊วต อาร์สตรอง ทำให้ยื้อเกมนี้ไปเล่นนัดรีเพลย์ได้สำเร็จ
ลิเวอร์พูล 5-2 นอริช ซิตี้
นี่เป็นเกมแรก หลังจากที่คล็อปป์ ประกาศล่วงหน้าว่าจะอำลาทีม ทำให้บรรยากาศในสนามเต็มไปด้วยความอบอุ่น ส่วนเกมการแข่งขัน ลิเวอร์พูล ออกนำไปก่อน 1-0 แต่ นอริช มาทำแสบด้วยการยิงตีเสมอ กระนั้น เมื่อหงส์แดงเร่งเครื่อง พวกเขาก็สามารถกระทุ้งประตูเพิ่มได้ จนจบที่สกอร์ 5-2
นิวพอร์ท เคาท์ตี้ 2-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนยู จัดทัพใหญ่อัตราศึก เพื่อลงไปบดทีมจากลีกทู ซึ่งทำได้ดีด้วยการยิงนำไปก่อน 0-2 แต่เมื่อเวลาผ่านไป นิวพอร์ท ไม่ยอมตาย ไล่ตามตีเสมอ 2-2 จนปลุกความหวังแฟนบอลว่าจะมีการล้มยักษ์เกิดขึ้น กระนั้น ปีศาจแดงยังเอาตัวรอดไปได้ เมื่อยิงนำ 2-3 อีกครั้งจาก แอนโทนี่ และยิงปิดกล่อง 2-4 ในช่วงทดเวลา จนเป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบแบบหืดจับ
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 4-1 เร็กซ์แฮม
เร็กซ์แฮม เป็นทีมจากลีกทู ที่จัดการล้มยักษ์ในรอบก่อน ซึ่งในเกมนี้ได้เปิดก่อนด้วยประตูนำ 0-1 แต่นั่นเหมือนเป็นการปลุกกุหลาบไฟ เมื่อ แบล็กเบิร์น ไล่ยิงคืน 4 ลูกรวด จนเป็นฝ่ายเปิดบ้านเอาชนะไป 4-1