ศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศคู่แรก ทีมชาติสเปน ที่โค่นเจ้าภาพมาแบบสุดมันส์ จะต้องพบกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่แกร่งไม่แพ้กัน เมื่อพวกเขาดวลเป้าชนะ โปรตุเกส โดยผู้ชนะในเกมนี้จะเข้าไปรอชิงชนะเลิศเป็นแรก
สเปน ทำเกมบุกใส่ก่อน และเกือบได้ประตูนำ แต่ดันโหม่งข้ามคาน ขณะที่ ฝรั่งเศส เมื่อ เอ็มบัปเป้ ได้ตักบอลโด่ง กอโล มัวนี กระโดดโหม่งให้ ฝรั่งเศส นำ 0-1 ตั้งแต่นาทีที่ 9 เดือดร้อนถึง สเปน ที่ต้องเดินบุกด้วยบอลเร็ว แล้วต้องเจอการตั้งรับที่เหนียวแน่นของตราไก่ กระนั้น กระทิงดุใช้เวลาไม่นาน ก็มาได้ตีเสมอ 1-1 จากลูกยิงไกลนอกกรอบแบบสุดสวยของ ยามาล จากนั้นเหมือนได้ใจ เมื่อกระทิงดุเดินหน้าบุกต่อ กระทั่งมาได้ประตูแซงนำ 2-1 จาก โอโม่ ที่แตะหลบตัวประกบ แล้วยิงยัดใส่แนวรับเข้าประตูไป
ครึ่งหลัง ฝรั่งเศส ต้องเดินเกมรุกเต็มสูบ แต่ความหลากหลายในการเข้าทำ คือปัญหาของพวกเขา เมื่อรูปแบบการเข้าทำมีแค่การออกข้างให้ เอ็มบัปเป้ โจมตี กับเปิดบอลไปที่เสาไกล เพื่อให้มีการโหม่งเช็ดกลับมาที่กลางประตู แต่ก็ไม่สำเร็จ ส่วน สเปน ใน 45 นาทีหลัง เมื่อได้บอลกลับมาครอบครอง จะเน้นการถ่ายบอลไปยังที่ว่าง และเมื่อมีโอกาสจะวางบอลยาวให้ทะลุแนวรับคู่แข่ง เพราะตัวรุกจะไม่ดันสูง เพื่อเน้นรักษาพื้นที่เมื่อต้องเสียบอล แต่แผนการโต้กลับนี้นี้ไม่สำเร็จผลเลยสักครั้ง ทำให้เมื่อครบ 90 นาที กระทิงดุ เป็นฝ่ายเฉือนชนะ และได้เข้าไปรอชิงเป็นทีมแรก บทสรุปจากเกม ทีมชาติสเปน ได้แสดงถึงคุณสมบัติของทีมที่จะประสบความสำเร็จ คือ เสียประตูแล้วไม่เสียขวัญ พร้อมเดินหน้าบุกต่อ จนได้ 2 ประตู แซงนำในเวลา 4 นาที และมีแท็กติกที่เคี้ยวรากดินสำหรับการปิดเกมนี้ ด้วยการเคาะบอลไปยังที่ว่าง จนคู่แข่งต่อเกมไม่ติด ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติฝรั่งเศส เกมรุกคือความแตกต่าง จนกลายเป็นจุดชี้วัดชัยชนะนัดนี้ ขณะที่การเสีย 2 ประตูในเกมนี้ ถือว่าสุดวิสัย เพราะปิดมุมดี แต่พลาดเพียงนิดเดียว กลับโดนยิงจนเสียประตู
