
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 33 ของฤดูกาล เกิดจุดเปลี่ยน 2 เรื่องในระยะเวลาใกล้ ๆ กัน เมื่อการเปิดบ้านของ ลิเวอร์พูล พบ คริสตัล พาเลช จบลงด้วยชัยชนะของปราสาทเรือนแก้ว ต่อด้วยการพังคาบ้านของ อาร์เซน่อล ที่โดน แอสตัน วิลล่า บุกมากระซวกชัยชนะแบบทั้งไป-กลับ ในฤดูกาลเดียว ทำให้สถานการณ์บนหัวตาราง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำเป็นจ่าฝูงแต่เพียงผู้เดียว ส่วนผลการแข่งขันทุกคู่ ติดตามต่อได้ที่นี่
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-0 สเปอร์ส
ผลสกอร์ที่ออกมา อาจจะขัดกับรูปเกมในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกที่ สเปอร์ส เป็นฝ่ายครองบอล และทำเกมบุกใส่เจ้าบ้าน จนกระทั่งนาทีที่ 30 การวางบอลยาวสวนกลับ กอร์ดอนไปเบียดบอลมาได้ ก่อนจ่ายให้ อิซัค ยิงนำ 1-0 จากนั้นเมื่อนำบอลไปเขี่ย นิวคาสเซิ่ล นำห่าง 2-0 เมื่อ ปอร์โร จ่ายคืนหลังแบบไม่ได้มอง ทำให้ กอร์ดอน ได้บอล แล้วปั่นเข้าเสาไกลทันที ส่วนเกมในครึ่งหลัง สเปอร์ส พยายามเปิดเกมบุกเพื่อเอาประตูตีตื้น แต่เมื่อเสียบอลก็ถูกเจ้าบ้านวางบอลยาวโต้กลับ จนโดนยิงทิ้งห่างเป็น 3-0 และในช่วงท้ายเกม ฟาเบียน แชร์ โหม่งตอกย่ำชัยให้ นิวคาสเซิ่ล เป็น 4-0 จบเกม สาลิกาดงขยับขึ้นมารั้งอันดับ 7 ขณะที่ไก่เดือยทอง พลาดโอกาสขึ้นไปรั้งอันดับ 4 ก่อนที่ แอสตัน วิลล่า จะลงเตะทีหลัง
เบรนท์ฟอร์ด 2-0 เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ครึ่งแรก รูปเกมดูอึดอัดทั้งคู่ เพราะจังหวะเข้าทำดูไม่แม่นยำและนิ่งเพียงพอ โดยเฉพาะฝั่ง เชฟฟิลด์ ที่ยังมีรอยรั่ว ผสมกับความผิดพลาด แต่ยังไม่โดนยิง จนในครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ด นำ 1-0 ในนาทีที่ 63 จากการยิงของ ดัมส์การ์ด ที่ไปแฉลบแนวรับทีมเยือนแบบเต็ม ๆ จนบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป จากนั้นรูปเกมเข้าทางเจ้าบ้าน กระทั่งช่วงทดเวลา 90+3 เบรนท์ฟอร์ด ได้ทุ่มบอล และสะกิดบอลให้ตัวสอดเข้าไปยิงฝัง 2-0 จบเกม ผึ้งน้อยอยู่ในอันดับที่ 15 ตามเดิม เช่นเดียวกับทัพดาบคู่ ที่รั้งบ๊วยด้วยการมี 16 คะแนน
น็อตติ้งแฮมป์ ฟอเรสต์ 2-2 วูล์ฟแฮมป์ตัน
ครึ่งแรก ฟอเรสต์ อาจดูดีกว่าเล็กน้อย แต่จังหวะพลาดมีพอ ๆ กัน กระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรก วูล์ฟ นำก่อน 0-1 เมื่อแนวรับเจ้าถิ่นปล่อยให้ มาเธอุส เลี้ยงแล้วหมุนตัวหลบ และยิงเช็ดเสาไกลเข้าไป อย่างไรก็ดี ฟอเรสต์ มาตามตีเสมอ 1-1 เมื่อ ซา ปัดลูกโหม่งจากเตะมุมไม่ออก จนทำให้บอลกระเด้งเข้าประตูไป ส่วนครึ่งหลัง ฟอเรสต์ ยิงแซง 2-1 ในนาทีที่ 57 จากการสกัดบอลที่มาเข้าทางปืนของ มาเธอุส ได้ยิงยัดมุม แต่ไล่หลังเพียง 5 นาที เจ้าหมาป่าก็มาตามตีเสมอ 2-2 เมื่อ มักซ์ เซลส์ ชกบอลจากจังหวะเตะมุมไม่พ้น ดานิโล จึงได้ซ้ำหน้าปากประตู จบเกมแบ่งแต้มกัน โดยเจ้าป่ามีแต้มเหนือโซนแดง 1 คะแนน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 5-1 ลูตัน ทาวน์
เปิดเกมมาได้ 2 นาที แมนซิตี้ ขึ้นนำ 1-0 จากการวาดเท้ายิงที่ไม่ดีของ ฮาแลนด์ แต่บุญหล่นทับ เมื่อบอลไปแฉลบหน้า ฮาชิโอกะ เข้าประตู จากนั้นยังคงเป็น แมนซิตี้ ที่ได้บุกแบบวันเวย์ แต่ไม่ได้ประตูเพิ่มใน 45 นาทีแรก ครึ่งหลัง โควาซิช ได้บอลสั้นจากลูกเตะมุม ก่อนจะตะบันเสียใต้คานหนีเป็น 2-0 และประตู 3-0 มาจากจุดโทษ ส่วน ลูตัน ยังไม่ถอดใจ เดินหน้าเล่นเกมบุกแบบไม่เกรงกลัว กระทั่งมาได้ประตูตีตื้น 3-1 เมื่อแนวรับเจ้าถิ่นจ่ายเสีย รอสส์ บาร์ดลีย์ จึงเก็บบอลเข้าไปยิง ส่วนช่วงเวลาที่เหลือ เรือใบสีฟ้า ยิงเพิ่มอีก 2 ลูก จบเกมชนะไป 5-1 กระโดดขึ้นรั้งจ่าฝูง ก่อนที่ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล จะลงเตะ
เบิร์นลีย์ 1-1 ไบร์ทตัน
เบิร์นลีย์ เริ่มต้นเกมด้วยความไหลลื่น แต่ชิงโอกาสขึ้นนำไม่ได้ จนเมื่อเกมผ่าน 20 นาที ไบรท์ตัน ตั้งเกมของตัวเองได้ จนรูปเกมดีกว่า ขณะที่ครึ่งหลัง 2 ประตูที่เกิดขึ้นกับทั้ง 2 ทีม มาจากความผิดพลาดส่วนบุคคล เริ่มจาก เบิร์นลีย์ ได้ประตูนำ 1-0 ในนาทีที่ 74 เมื่อแนวรับทีมเยือนคืนบอลสั้น แล้ว บราวฮิลล์ ตามไปปั๊มบอลกับผู้รักษาประตู จนบอลไหลซุกก้นตาข่าย ส่วน ไบร์ทตัน มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 เมื่อนายทวารอย่าง มูริช จับบอลพลาด จนบอลไหลเข้าประตูไป ทำให้ 1 คะแนนที่ได้มา ส่งผลให้ เบิรน์ลีย์ เสียโอกาสที่จะทำแต้มไล่จี้ ลูตัน ในอันดับ 18
บอร์นมัธ 2-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
บอร์นมัธ ดันสูง วิ่งไล่กดดันทีมเยือน จนในนาทีที่ 16 ผู้เล่นของ แมนยู จ่ายเสีย บอร์นมัธ จึงจู่โจมเร็ว และให้บอลไปที่ โซลันกี้ โยกหลบ แล้วยิงเข้าเสาแรก จากนั้นเกมเริ่มเปิดมากขึ้น ซึ่งเจ้าบ้านน่าได้ประตูที่ 2 แต่ไม่ได้ และจังหวะต่อเนื่องเป็น แมนยู ได้บุก แล้วจังหวะสกัดทำให้บอลลอย บรูโน่ จึงวางเท้ายิงแบบเต็มข้อหน้าประตู ตีเสมอเป็น 1-1 ในนาทีที่ 31 กระนั้นทีมเยือนก็โล่งใจได้แปบเดียว เมื่อ ไคลเวิร์ต เลี้ยงบอลด้านข้าง จนเห็นว่า โอนาน่า เปิดเสาแรกเยอะ จึงเลี้ยงตัดเข้าในและยิงเสาแรก ให้เดอะเชอร์รี่ขึ้น 2-1 อีกครั้ง ส่วนเกมในครึ่งหลัง บอร์นมัธ ดูดรอปลงไป กระทั่งมาทำแฮนด์บอลเสียจุดโทษ ก่อนที่ บรูโน่ จะซัดตีเสมอ 2-2 จบเกม ปีศาจแดงที่ได้เพียง 1 แต้ม ต้องลงมารั้งอันดับที่ 7 ด้วยคะแนนที่เท่ากับ นิวคาสเซิ่ล แต่ประตูได้-เสียเป็นรอง
ลิเวอร์พูล 1-1 คริสตัล พาเลช
ลิเวอร์พูล ดูเสียความมั่นใจ เกมรับดูเชื่องช้า แล้วเพียงแค่ 14 นาที ก็โดน พาเลช ยิงนำ 0-1 และเกือบโดนลูกที่ 2 ซึ่งยังดีที่ โรเบิร์ตสัน ตามไปสกัดจากเส้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือ ลิเวอร์พูล ยิงติดเซฟ ติดกองหลัง ชนเสา ชนคาน และอีกหลายจังหวะที่ยิงออกไปเอง จบเกม หงส์แดงแพ้คาบ้าน ทำให้เป็นข่าวดีของ อาร์เซน่อล ที่จะลงเลนต่อ เพราะหากชนะ จะฉวยโอกาสทำคะแนนทิ้งห่าง
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 0-2 ฟูแล่ม
เวสต์แฮม ทรงกำลังดี แต่นาทีที่ 9 เกิดการสกัดบอลพลาด เปเรย์ร่า จึงแปะบอลลง แล้วยิงอัดเต็มข้อให้ ฟูแล่ม นำ 0-1 นั่นจึงทำให้ เวสต์แฮม ต้องเน้นเกมบุกมากขึ้น แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็โดน ฟูแล่ม สวนกลับด้วยความอันตราย กระทั่งครึ่งหลัง กลายเป็นฟูแล่ม ดูดีกว่าชัดเจน แล้วมาได้ประตูทิ้งห่าง 0-2 ในนาทีที่ 72 จบเกม 3 แต้มของฟูแล่ม ไม่ได้ทำให้อันดับขยับ เช่นเดียวกับ ขุนค้อน ที่ยังอยู่ในอันดับ 8 ตามเดิม
อาร์เซน่อล 0-2 แอสตัน วิลล่า
เกมบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์นี้ อาร์เซน่อล เปิดเกมด้วยความเร้าใจ เมื่อเล่นได้ดีกว่าทีมเยือน แต่ก็มีจังหวะพลาดจนเกือบโดนลงโทษ ส่วนเกมในครึ่งหลังเป็น แอสตัน วิลล่า เริ่มจับจุดและหยุดเกมรุกของเจ้าบ้านได้ กระทั่งมายิงประตูนำ 0-1 ในนาทีที่ 84 จากจังหวะต่อเนื่องลูกเตะมุม ซึ่งมีการจ่ายยัดมาหน้าประตูแล้วทะลุผ่านหมด ทำให้ตัวที่อยู่ด้านไกลยิงอัดเข้าไปตรง ๆ และจากนั้น 3 นาที วิลล่า บวกประตูที่ 2 ด้วยบอลสวนกลับของ วัตกิ้นส์ ที่ดึงจังหวะไปมา ก่อนยกข้ามหัว ราย่า เข้าไป จบเกม สิงห์ผยอง คว้า 3 แต้มสำคัญสำหรับท็อปโฟร์ ส่วนไอ้ปืนใหญ่ ความพ่ายแพ้ในเกมนี้ ทำให้พลาดโอกาสทองขึ้นนำจ่าฝูงแบบเดี่ยว ๆ
เชลซี 6-0 เอฟเวอร์ตัน
เอฟเวอร์ตัน ได้โอกาสทองที่ขึ้นนำก่อน แต่ระยะจ่อ ๆ ดันยิงออก ทำให้หลังจากนั้นเป็นเกมของ เชลซี ที่กระหน่ำ 6 เม็ด และในจำนวนนี้เป็น 4 ประตู ของ พาลเมอร์ ซึ่งบรรยากาศที่น่าจะชื่นมื่นนี้ กลับกลายเป็นมีดราม่า เมื่อนักเตะเจ้าบ้านยื้อแย่งบอลกัน เพื่อยิงจุดโทษในช่วงท้ายเกม ส่วนหลังเกมนี้ 3 แต้ม ทำให้สิงห์บูล ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 9 และมีระยะห่างจากอันดับ 6 เพียง 3 แต้ม เท่านั้น ส่วนทอฟฟี่สีน้ำเงิน อยู่ชิดโซนแดงในอันดับที่ 16