ศึกฟุตบอล FA Cup รอบที่ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย แข่งขันกันแบบนัดเดียวรู้ผล ไม่มีรีเพลย์ ซึ่งผลที่จบลงไป ถือว่าตามคาดเกือบทุกคู่ โดยแฉพาะกลุ่มทีมใหญ่ที่ต่างตบเท้าเข้ารอบต่อไป ส่วนม้ามืดประจำปีนี้อย่าง เมดสโตน ก็ถึงเวลาที่ต้องตกรอบ เมื่อต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งกว่าอย่าง โคเวนทรี ส่วนผลการแข่งขันทุกคู่ สามารถติดตามได้ด้านล่างนี้
โคเวนทรี ซิตี้ 5-0 เมดสโตน ยูไนเต็ด
โคเวนทรี เจอคู่แข่งจากลีกต่ำที่สุดในรอบนี้ โดยเกมการแข่งขัน โคเวนทรี เป็นฝ่ายพับสนามบุกทันที แล้วได้ประตูนำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 9 นั่นจึงทำให้ เมดสโตน จะเล่นตามแท็กติกเดิมไม่ได้ จึงจำเป็นต้องต่อบอล และบุกใส่เจ้าถิ่น นั่นจึงทำให้ช้างกระทืบโรง สามารถยิงทีละเม็ดได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายเกมนี้จบที่สกอร์ 5-0 โดยการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถือเป็นการเข้ารอบลึกที่สุดของ โคเวนทรี ในรอบหลายปี ส่วน เมดสโตน การเข้าถึงรอบที่ 5 ได้กลายเป็นหน้าประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสโมสร
บอร์นมัธ 0-1 เลสเตอร์ ซิตี้
บอร์นมัธ เริ่มต้นเกมได้อย่างน่ากลัว กับการดันสูงเพื่อดักบอล แล้วจัดการจู่โจมแบบทันที แต่เมื่อยิ่งเล่นไปเรื่อย ๆ เจ้าถิ่นเริ่มสูสีกับ เลสเตอร์ ที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ จนจบ 90 นาที ก็ยังเสมอกัน โดยในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้ง 2 ทีมเริ่มอ่อนแรง แต่จิ้งจอกสยาม คมกว่า กับการได้ประตูชัยในนาทีที่ 105 ทำให้เป็นฝ่ายโค่นเจ้าถิ่นแบบหักปากกาเซียนเล็ก ๆ
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 1-1 (3-4, จุดโทษ) นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
แบล็กเบิรน์ เริ่มต้นเกมได้ร้อนแรง แต่พอ นิวคาสเซิ่ล เครื่องติด พวกเขาก็สู้กับเจ้าถิ่นได้อย่างสูสี แต่กว่าจะมาได้ประตู ก็ต้องรอถึงนาทีที่ 71 จากการใช้สูตรขุดบ่อล่อปลา จนได้ประตูนำ 0-1 แต่ไล่หลังแค่ 8 นาที กุหลาบไฟมาตีเสมอ 1-1 จากลูกบอลที่ติดเซฟ ชนเสา และกระเด้งมาเข้าทางปืนให้ได้ซ้ำพอดี ส่วนในช่วงต่อเวลาพิเศษ สาลิกาดง แรงกว่า แต่ปิดเกมนี้ไม่ลง จนต้องมาดวลจุดโทษตัดสิน แล้วเป็น ดูบราฟก้า ที่เป็นฮีโร่เซฟจุดโทษ ให้ทีมเป็นฝ่ายเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย
ลูตัน ทาวน์ 2-6 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เปิดเกมมาได้ 3 นาที แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูนำ 0-1 แบบรวดเร็วจาก ฮาแลนด์ แล้วกระหน่ำยิงเพิ่มอีก 2 เม็ดในครึ่งแรก รวมเป็น 0-3 ก่อนที่ ลูตัน จะยิงตีตื้น 3-1 ด้วยลูกยิงอัดสามเหลี่ยมแบบสุดสวย และในครึ่งหลัง ลูตัน เหมือนจะมีฮึด เมื่อยิงไล่มาเหลือ 2-3 แต่โมเมนตัมที่กำลังจะมา ก็ต้องสูญสลายไป เมื่อ ฮาแลนด์ คนเดิม กระทุ้งประตูที่ 4 และ 5 ของตัวเอง ก่อนปิดท้ายด้วย โควาซิซ ยิงปิดที่ 2-6 ทำให้เป็นฝ่ายผ่านเข้ารอบต่อไปตามเป้ามาย
เชลซี 3-2 ลีดส์ ยูไนเต็ด
เชลซี เหมือนยังเมาหมัดจากเกมนัดชิงคาราบาว คัพ เมื่อแนวรับจ่ายบอลพลาดจนถูก ลีดส์ ยิงนำไปก่อน 0-1 แล้วมายิงแซง 2-1 ก่อนจบครึ่งแรก อย่างไรก็ดี ยูงทองมาตามตีเสมอ 2-2 จนเกมส่อจะยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่สุดท้าย กาลาเกอร์ ที่ยิงทิ้งยิงขว้างเมื่อวันอาทิตย์ ก็ได้กลายเป็นฮีโร่ยิงประตูชัย 3-2 ในนาทีสุดท้ายก่อนทดเวลา ทำให้สิงห์บูล เป็นฝ่ายเข้ารอบต่อไปแบบหืดจับ
น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นเกมได้อย่างน่ากลัว แต่ไม่สามารถชิงโอกาสยิงนำไปก่อนได้ มิหนำซ้ำยังเกือบเสียประตูจากการจ่ายบอลพลาดของแนวรับ ส่วนเกมรุกของ ฟอเรสต์ ลูกฟุตบอลเหมือนมีแม่เหล็กดูดกับ โอนาน่า เพราะไม่ว่าจะยิงสักกี่ครั้ง ก็มักตรงตัวนายทวารผีแดง กระทั่งเกมเข้าสู่ช่วงท้าย คาเซมิโร่ ได้โฉบตัวเองมาโหม่งที่เสาแรก ทำให้ แมนยู บุกมาเฉือนชนะ 0-1 ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปทำศึกแดงเดือดกับ ลิเวอร์พูล
วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-0 ไบรท์ตัน
เกมนี้ทำให้หลายคนรู้สึกง่วงนอน เพราะรูปเกมออกไปทางน่าเบื่อ โดยประตูแรกเกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 2 จากทางฝั่ง วูล์ฟแฮมป์ตัน ส่วนหลังจากนั้นเหมือนเล่นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย จนกระทั่งจบเกม
ลิเวอร์พูล 3-0 เซาแธมป์ตัน
เซาแธมป์ตัน บุกมาทำแสบใส่แชมป์คาราบาวคัพ เมื่อพวกเขาสามารถทำเกมรุก และจบสกอร์แบบหวาดเสียวหลายครั้ง แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทัพนักบุญไม่สามารถยิงเจ้าบ้านได้ แม้กระทั่งลูกจ่อ ๆ หน้าปากประตู ส่วนทางฝั่ง ลิเวอร์พูล กว่าจะยิงตรงกรอบครั้งแรก ก็ต้องรอถึงช่วงท้ายครึ่ง แล้วความเฉียบคมก็มาได้ประตูนำ 1-0 ขณะที่ครึ่งหลัง หงส์แดงพยายามประคองตัว ก่อนจะมาได้เพิ่มอีก 2 ประตู รวมเป็น 3-0 ผ่านเข้ารอบไปพบกับ แมนยู ในศึกแดงเดือด
