
ถึงตอนนี้ฟุตบอลเพิ่งเปิดฤดูกาลมาได้แค่ 2 เดือนเศษ แต่กระแสต่อต้าน เอริก เทนฮาก กลับมีมากขึ้น ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกแต่อย่างใด เพราะการต่อต้านมีนานตั้งแต่ฤดูกาลก่อน กระทั่งการคว้าแชมป์ FA Cup เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้บอร์ดบริหารเลือกเซ็นขยายสัญญากับ เทน ฮาก ซึ่งมันไม่ต่างกับการฟอกขาว ที่นำเกมนัดชิงนัดมาชี้วัดผลงาน โดยไม่เห็นถึงปัญหาที่ยังคงเรื้อรังมาถึงปัจจุบัน
ยึดติดกับแท็กติกเดิม ๆ และลูกทีมเก่า
การยึดแท็กติกและวิธีการเดิม ๆ ด้วยการครองบอลในแดนตัวเองอย่างมั่นคง แล้วไปเสียง่าย ๆ ในคู่แดนแข่ง คือภาพที่แฟนบอลเห็นจนชินตา แต่ เทนฮาก ไม่เคยคิดที่จะต่อยอดแท็กติกจากเดิมให้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังติดรูปแบบการดึงลูกทีมเก่ากลับมาร่วมงานแบบยกขบวน ซึ่งมันก็สื่อให้เห็นว่า เทนฮาก ยังคงยึดติดกับนักเตะอาแจ็กช์ ที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 2018 โดยไม่คำนึงว่าสิ่งที่เคยได้ผลกับทีมเล็ก ๆ ในวันนั้น อาจไม่ได้ผลกับทีมขนาดใหญ่ที่ความกดดันสูงกว่าอย่างแมนยู

ตัวเจ็บเยอะ ไม่ใช่ข้ออ้างผลงานไม่ดี
เมื่อฤดูกาลก่อน แมนยู เสียตัวผู้เล่นหลักจากการบาดเจ็บหลายราย นั่นจึงทำให้ เทนฮาก มักพูดกับสื่อว่าผลงานจะกลับมาดีแน่นอนหากมีนักเตะครบ แต่ถึงวันนี้มันก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เทนฮาก เน้นการทำทีมแบบแก้ไปทีนัดต่อต่อ โดยไม่มีรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน
บอร์ดบริหารมองที่บอลนัดเดียว มากกว่าวิธีการ
นี่คือปัจจัยที่ทำให้ แมนยู ยังคงอยู่ในวังวนเดิม ๆ เพราะเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แมนยู จบอันดับ 8 ของตาราง แถมมีผลงานการเจอทีมใหญ่ที่ย่ำแย่ แต่เมื่อทะลุชิง FA Cup แล้วได้แชมป์ บอร์ดบริหารเลือกพิจารณาต่อสัญญาด้วยเหตุผลนี้ ซึ่งมันก็ต้องแลกมากับผลงานที่ไม่สม่ำเสมอ แต่ในตอนนี้อาจเป็นผลงานแย่สม่ำเสมอไปแล้วก็ได้ ทำให้การตั้งเป้าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในปี 2028 ไม่ควรฝันไกล เพราะแค่การทำอันดับติด 1 ใน 4 ก็ยังต้องลุ้นใจระทึกอยู่ทุกปีว่าจะได้ไปหรือไม่