
เพราะความจนเป็นสิ่งน่ากลัว ทุกคนจึงอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า หากไม่มีโอกาสได้หลุดพ้นจากความยากลำบาก นั่นจึงทำให้ผู้อพยพนับล้านจากแอฟริกา ต่างมุ่งหวังที่จะสร้างชีวิตใหม่ในยุโรป ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ นักฟุตบอลเชื้อสายแอฟริกาหลายคน กำลังกลายเป็นขุมกำลังชั้นดีของหลายประเทศ
ฝรั่งเศส ถือเป็นประเทศที่ค่อนข้างเปิดรับผู้อพยพ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในยุโรป ทำให้นักเตะเชื้อสายแอฟริกาจำนวนมาก เลือกถือสัญชาติฝรั่งเศส และรับใช้ทัพตราไก่ กระทั่งมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 เมื่อ 11 ตัวจริงเป็นนักเตะเชื้อสายแอฟริกาถึง 9 ราย หรือกับ สเปน ที่เพิ่งคว้าแชมป์ยูโร 2024 โดยมีคีย์แมนสำคัญอย่าง วิลเลี่ยม ที่พ่อแม่เป็นผู้อพยพจาก กาน่า และ ยามาล ที่ครอบครัวข้ามฝั่งมาจาก โมร็อกโก

การที่ผู้อพยพต่างหลั่งไหลออกนอกประเทศอยู่เช่นนี้ แน่นอนว่าฟุตบอลในทวีปแอฟริกาอย่อมมีคุณภาพที่ตกลงไป เพราะถึงแม้ว่านักเตะจะมีเชื้อสายแอฟริกา แต่เกินเกือบร้อยทั้งร้อย มักเลือกเล่นให้ทีมชาติในยุโรปก่อน ยกเว้นว่าไม่มีชื่อติดทีม จึงค่อยหาโอกาสจากชาติมาตุภูมิของพ่อแม่ นั่นจึงเท่ากับว่า ทีมชาติในแอฟริกา จะมีนักเตะระดับโลกยากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแอฟริกากลางลงไป

การที่กลุ่มประเทศในแทบแอฟริกากลางลงไป เริ่มขาดแคลนนักเตะระดับโลก จึงกลายเป็นความได้เปรียบของกลุ่มอาหรับ ในแถบแอฟริกาเหนือ เพราะผู้อพยพมีไม่มาก ทำให้นักฟุตบอลหลายคนยังคงกลับมาเล่นให้ชาติบ้านเกิด ซึ่งหากสังเกตให้ดีก็จะพบว่า อียิปต์ แอลจีเรีย โมร็อกโก หรือ ตูนิเซีย มักมีผลงานที่ดีในช่วงหลัง ๆ เพราะ

ทีมจากกลุ่มแอฟริกากลางลงไป เริ่มตามห่างหลายช่วงตัว เว้นเสียแต่ เซเนกัล ที่ยังพอวัดได้ แต่หากวันใดไม่มี มาเน่ เป็นตัวชูโรง สิงโตแอฟริกากลางก็อาจเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้ง