ศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมชาติอังกฤษ ในฐานะเต็ง 1 ที่ถูกวิจารณ์ด้านลบ มากกว่าด้านดี จะต้องพบกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่หักด่านแชมป์เก่าอย่าง อิตาลี ในรอบก่อน
ครึ่งแรกแทบไม่มีจังหวะจบสกอร์ เมื่อ สวิตเซอร์แลนด์ เป็นฝ่ายเพรสซิ่งสูง จน อังกฤษ ต้องเร่งออกบอลจากแดนหลัง แต่เมื่อบอลไปถึงแดนคู่ต่อสู้ ก็ต้องเจอกับแนวรับที่ยืนขวางอยู่ จนทำให้เกมรุกไม่โอกาสจบสกอร์ ส่วนทางฝั่ง สวิตเซอร์แลนด์ การเพรสซิ่งสูง ได้แค่สร้างความกดดัน เพราะการได้บอล คือ ตัดจากในแดนตัวเอง แต่การเข้าทำยังไม่ลงล็อคเหมือนเคย
ครึ่งหลัง อังกฤษ ยังเล่นสไตล์เดิม ตรงข้ามกับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่เมื่อได้บอล จะไม่เสียคืนไปง่าย ๆ เพราะต้องการขึงใส่เมื่อมีโอกาส กระทั่งนาทีที่ 75 การสกัดบอลที่ไม่ดีของ สโตนส์ มาเข้าทาง เอ็มโบโล่ ได้แปจ่อ ๆ แต่ไล่หลังไม่นาน อังกฤษ ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากการลักไก่ยิงเร็วของ ซาก้า ก่อนที่ อังกฤษ จะกลับมาเล่นทรงเดิมจนจบ 120 นาที และชนะจุดโทษ เมื่อเป็นฝ่ายยิงก่อน และเข้าครบทั้ง 5 คน ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ ยิงติดเซฟ 1 คน
บทสรุปจากเกม ทีมชาติอังกฤษ ยังเล่นในสไตล์เดิม คือ ออกบอลจากหลังสู่หน้าแบบระมัดระวังที่สุด จนเมื่อโดนยิงนำไปก่อน ก็มาเร่งเกมเพียง 5 นาที แล้วได้ประตูตีเสมอ ซึ่งถือว่าโชคดีที่กลับมาเร็ว พร้อมกับเป็นโอกาสดีที่จะเผด็จศึกให้ได้ แต่สุดท้ายก็กลับมาเล่นแบบระมัดระวังและช้า ๆ เหมือนเดิม ซึ่งก็โชคดีชั้น 2 ที่ตัวยิงจุดโทษเป็นมือพระกาฬทั้งสิ้น สิงโตคำรามจึงผ่านเข้ารอบมาได้ แบบไม่ควรจะหืดจับแบบนี้ ส่วนทางฝั่ง สวิตเซอร์แลนด์ การเข้าทำถือเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก แต่ก็โชคดีที่บอลเป็นใจ จนได้ประตูนำ อย่างไรเสีย พวกเขาก็ผิดพลาดเองที่เสียประตูง่าย ๆ จนเกมต้องยื้อไปถึงการดวลจุดโทษและพ่ายแพ้ ทั้ง ๆ ที่โอกาสทองอยู่มือแล้ว
