
อูไน เอเมอรี่ ได้รับความไว้วางใจให้ทำทีมต่อ หลังจากเข้ามากอบกู้สถานการณ์ที่กำลังวิกฤตถึงขั้นหนีตาย จนกลายทีมได้โควตาไปเล่นยูฟ่าคอนเฟอร์เรนช์ ลีก เมื่อจบฤดูกาลปีก่อน ส่วนฤดูกาลที่เพิ่งจบลงไป ถือเป็นปีที่ แอสตัน วิลล่า ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมที่สุด นับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีกคัพ เมื่อปี 1996 เลยทีเดียว เพราะเหล่าสิงห์ผยอง สามารถคว้าอันดับ 4 ไปลุยศึกยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นถ้วยที่พวกเขาเคยคว้ามาได้ 1 สมัย ในปี 1982

การออกสตาร์ทซีซั่นของ แอสตัน วิลล่า ดูเหมือนกับทีมทั่ว ๆ ไป ที่แพ้ ชนะ เสมอ ได้กับทุกทีมที่เจอ แต่ความพิเศษของ วิลล่า คือ ในเกมที่ยาก ในเกมที่กดดัน พวกเขาพลิกล็อกคว้า 3 แต้ม มาได้ หรือในช่วงที่ฟอร์มสะดุด ก็จะห่างหายจากชัยชนะไม่เกิน 2 นัด ยกเว้นช่วงท้ายฤดูกาลที่ปล่อยจอยไม่ชนะใคร 4 นัด เพราะการันตีอันดับที่ 4 ไปก่อนแล้ว
ในฤดูกาลที่ผลงานเกินความคาดหมายแบบนี้ แอสตัน วิลล่า เคยขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงในช่วงกลางฤดูกาล แต่ก็ไม่สามารถยึดบัลลังก์ไว้ได้ เมื่อ 3 ทีมหัวตาราง ต่างมีมาตรฐานที่สูงกว่า ทำให้คู่แข่งโดยตรงของ วิลล่า เป็น สเปอร์ส ที่ไล่จี้และไล่ล่าอันดับ 4 แบบไม่ลดละ แต่ท้ายที่สุด ไก่เดือยทองก็ไล่ไม่ทัน เพราะพวกเขาสะดุดในเกมที่สำคัญ ส่วนเกมแห่งฤดูกาลของ สิงห์ผยอง คงต้องยกให้กับเกมที่พบกับ อาร์เซน่อล เพราะสามารถเอาชนะได้แบบทั้งไปและกลับ อีกทั้งยังปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไอ้ปืนใหญ่ ชวดแชมป์พรีเมียร์ลีก ในปีนี้
การเข้ามาคุมทีมของ อูไน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เจ้าตัวมักมีเคมีที่เข้ากับทีมขนาดกลางไปถึงเล็ก มากกว่าจะไปคุมทีมใหญ่ระดับชั้นนำ ซึ่ง เซบีญ่า และ บียาร์เรอัล คือ ตัวอย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว นั่นจึงทำให้ แอสตัน วิลล่า เป็นทีมที่น่าจับตามองในปีหน้า ว่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์แฟนบอลอีกหรือไม่