แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0 เชลซี
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดฉากด้วยการครองบอลที่มากกว่าตามเชิง แต่ฟอร์มของผู้เล่นดูต่ำกว่ามาตรฐาน โดยเฉพาะการเสียบอลง่าย ๆ ในแดนตัวเอง จน เชลซี ที่รูปเกมเป็นรอง มีโอกาสจบสกอร์มากกว่า กระนั้นแนวรุกของสิงห์บูล ไม่เฉียบคมพอ จึงไม่สามารถฉวยโอกาสยิงนำไปก่อนได้ ส่วนครึ่งหลัง ก็ยังคงเป็น แมนซิตี้ ที่ได้ครองบอลบุก และพยายามจะผู้เล่นเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ กระทั่งโดนสวนกลับแบบหลุดเดี่ยวหลายจังหวะ โดยเฉพาะ แจ็คสัน ที่มีโอกาสเหน่ง ๆ มากกว่าใคร แต่ก็เอาโอกาสทองโยนทิ้งไปเสียหมด กระทั่งนาทีที่ 84 การจบสกอร์เหน่ง ๆ ครั้งแรกในครึ่งหลังของ แมนซิตี้ ก็มาได้ประตูนำ 1-0 จาก แบร์นาโด้ ที่ได้ยิงซ้ำจังหวะ 2 ที่เสาสอง ส่วนหลังจากนั้น เชลซี ไม่สามารถหาจังหวะโต้กลับได้อีกเลย จบเกม เรือใบสีฟ้าเข้ารอบชิง ไปป้องกันแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-3 โคเวนทรี ซิตี้ (เสมอ 3-3 ใน 120 นาที, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะจุดโทษ 4-2)
โคเวนทรี แพ็คเกมรับแน่นตามประสาทีมเป็นรอง ทำให้ แมนยู พยายามใช้บอลวางยาวเล่นงาน จนมาได้ประตูนำ 1-0 จากจังหวะยิงครั้งแรกที่ไม่ดี แต่ผู้ประตูปัดไม่ออก จนบอลพุ่งมาหา แม็คโทมิเนย์ ได้ยิงจ่อ ๆ ที่เสาไกล จากนั้น แมนยู มีผ่อนจนเกือบโดน กระทั่งช่วงทดเวลาครึ่งแรก แม็คไกวร์ ขึ้นโขกเต็มศีรษะให้ แมนยู นำ 2-0 และมาบวกเพิ่มเป็น 3-0 จากการยิงแฉลบของ บรูโน่ ในครึ่งหลัง จนส่อแววว่าเกมจะขาดเพราะความห่างชั้น กระนั้น โคเวนทรี ได้รวมพลังสร้างปาฎิหาริย์ ด้วยการรัวยิง 3 เม็ด กลับมาตีเสมอ 3-3 จนเกมต้องยื้อออกไปถึงช่วงต่อเวลา
ช่วงต่อเวลา 120 นาที ต่างฝ่ายต่างมีโอกาส โดยเฉพาะ โคเวนทรี ที่เกือบได้ประตูชัย 4-3 แต่ VAR ตีเส้นเพราะขาล้ำหน้า จนต้องไปดวลจุดโทษเพื่อหาผู้ชนะ โดย คาเซมิโร่ ยิงพลาดก่อนเป็นคนแรก จนสถานการณ์เข้าขั้นกดดัน กระนั้น โคเวนทรี กดดันกว่า เมื่อคนที่ 3 และ 4 ยิงไม่เข้า สุดท้าย ปีศาจแดงเอาตัวรอดจากนัดนี้ ด้วยการชนะจุดโทษ 4-2
