ศึกฟุตบอล ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่ 2 ในค่ำคืนวันพุธ ต่อเนื่องถึงเช้าวันพฤหัสบดี เป็นเกมโต้รุ่งที่ต้องลุ้นกันเกือบถึงเช้า เมื่อ เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายชนะจุดโทษแชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่วนอีกคู่ บาเยิร์น มิวนิค ยังคงถูกโฉลกกับ อาร์เซน่อล เมื่อเป็นฝ่ายเฉือนชนะในบ้าน 1-0 ทำให้บทสรุปในรอบรองชนะเลิศ คือ เปเอสเช พบ ดอร์มุนด์ และ เรอัล มาดริด ชน บาเยิร์น มิวนิค
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เรอัล มาดริด (รวม 2 นัด เสมอกัน 4-4, เรอัล มาดริด ชนะจุดโทษ 4-3)
เรอัล มาดริด ครองบอลน้อยกว่าเจ้าบ้าน แต่อาศัยการให้บอลที่แม่นยำเข้าสู้ แล้วเพียงแค่ 12 นาที มาดริด ก็มาได้ประตูขึ้นนำ 0-1 จากการเบิ้ลบอลหนีเพรสซิ่ง อีกทั้งยังมีการบอลวาง และจับบอลที่เนียนตาจนมีช่องให้ โรดรีโก้ ได้ยิง ซึ่งทางฝั่ง แมนซิตี้ การเจอคู่แข่งเล่นแบบนี้ ทำให้ถอยไปตั้งรับไม่ทัน นั่นจึงทำให้เรือใบสีฟ้า พยายามเคาะบอลให้รวดเร็ว แล้วก็มีโอกาสจบสกอร์อยู่บ้าง แต่ดันจบสกอร์ไม่คมเอง
แมนซิตี้ พยายามลุยอย่างหนักเพื่อเอาประตูตีเสมอ แต่การเจาะแนวรับที่มีระเบียบวินัย ทำให้ช่องยิงค่อนข้างจำกัด กระนั้นนาทีที่ 76 แมนซิตี้ ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 แบบมีโชค เมื่อบอลที่สกัดมาเข้าทาง เดอบรอยน์ ได้ยิงระยะจ่อ ๆ จากนั้นกลายเป็นทางเข้าทาง แมนซิตี้ ที่ได้บุกมาแบบมีช่อง แต่โอกาสจ่อ ๆ ของ เดอบรอยน์ ดันยิงข้ามคานออกไป ทำให้เกมยื้อไปถึงช่วงต่อเวลา ซึ่งทั้ง 2 ทีม มีอาการล้าจนแทบไม่มีโอกาสยิง สุดท้ายต้องตัดสินเกมนี้ด้วยจุดโทษ โดยไฮท์ไลท์สำคัญ คือ มูริช ยิงคนแรกแล้วไม่เข้า ทำให้สถานการณ์เข้าทาง แมนซิตี้ แต่คนที่ 2 อย่าง แบรนาโด้ ดันยิงชิพแล้วไม่เข้าเช่นกัน ทำพลาดโอกาสขึ้นนำ และสถานการณ์มาย่ำแย่ลงเมื่อ โควาซิช ยิงติดเซฟ ส่วนคนที่เหลือของ มาดริด ยิงเข้าทุกคน ทำให้ราชันชุดขาว เป็นฝ่ายชนะและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
บาเยิร์น มิวนิค 1-0 อาร์เซน่อล (รวม 2 นัด บาเยิร์น มิวนิค ชนะ 3-2)
อาร์เซน่อล ต่อบอลบุกใส่เจ้าบ้าน และเมื่อเสียบอลก็จะรุมแย่งตั้งแต่แดนคู่แข่ง แต่กระนั้น การแพ็คเกมรับ และการยืนตำแหน่งในแนวตัวเองที่ยืดหยุ่น ก็มีผลให้ อาร์เซน่อล ไม่ได้ยิงแบบถนัดเท้า ส่วนเกมในครึ่งหลัง แผงกองหลังของทีมเยือนเกิดความผิดพลาด จนเปิดช่องให้ คิมมิช พุงโขกขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 63 ทำให้หลังจากนั้น อาร์เซน่อล พยายามบุก และพยายามใช้บอลแทงเข้าพื้นที่กรอบเขตโทษ แต่จังหวะจบมักอยู่ในมุมอับ จนทำให้ความอันตรายลดน้อยลง สุดท้ายไอ้ปืนใหญ่ไล่ตีเสมอไม่สำเร็จ และต้องพ่ายแพ้ไปในนัดนี้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำ เมื่อนี่เป็นครั้งที่ 5 ที่ถูกเสือใต้เขี่ยตกรอบน็อกเอ้าท์ ในบอลถ้วยยุโรป
