ศึกเอเชียนคัพ 2023 รูดม่านปิดฉาก พร้อมกับได้บทสรุปของทีมแชมป์ไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ในบทความนี้จะพาไปย้อนรอย และกล่าวถึงทีมที่ทำผลงานได้ดีแบบเกินคาด และควรค่าแก่การจดจำ ซึ่งทีมเหล่านั้นได้สร้างผลงานสุดปังอะไรไว้บ้าง นับจากนี้เราจะมาเล่าให้ได้ฟังกัน
ทีมชาติทาจิกิสถาน
เป็นชาติใหม่ในแทบเอเชียกลาง ที่ก่อตั้งประเทศได้ไม่ถึง 50 ปี อีกทั้งผลงานฟุตบอลทีมชาติก็ไม่ได้โดดเด่น ซึ่งการคัดเลือกไปฟุตบอลโลกไม่ต้องพูดถึง รวมถึงการผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายในศึกเอเชียนคัพ ที่พวกเขาไม่ได้เคยสัมผัส กระทั่งการเข้ามารับงานของ เปตาร์ เซิร์จท์ เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียก็ได้ค่อย ๆ สร้าง ทาจิกิสถาน ให้มีความแข็งแกร่ง จนสามารถเข้ารอบสุดท้ายเอเชียนคัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ฉะนั้นมันจึงไม่แปลก ที่สื่อสำนักไหน ๆ ก็ล้วนมองข้ามทีมชาติทาจิกิสถาน แต่เมื่อลงเล่นครบ 3 นัด พวกเขาได้โชว์ฟอร์มให้เห็นว่ามีความแข็งแกร่งขนาดไหน โดยเฉพาะนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ที่จัดการโค่น เลบานอน ให้ตกรอบ แล้วพวกเขาเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม A
ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทาจิกิสถาน ต้องพบกับ ยูเออี ซึ่งหากดูตามชื่อชั้น ผู้ดีอาหรับเหนือกว่าทุกอย่าง แต่เมื่อลงไปเล่นใน 90 นาที กลายเป็น ยูเออี ต้องเป็นฝ่ายตามตีเสมอ แล้วต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งก็เป็น ทาจิกิสถาน ที่แม่นการยิงจุดโทษกว่า ขณะที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาต้องเจอกับ จอร์แดน โดยในเกมนั้น ทั้ง 2 ทีมต่างสู้กันได้อย่างสูสี แต่กลายเป็น วาห์คัต ที่ทำเข้าประตูตัวเอง จนส่ง จอร์แดน เข้ารอบรองชนะเลิศ กระนั้นการได้มาเล่นเอเชียนคัพ รอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก แล้วสามารถมาไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก็ถือเป็นผลงานที่เกินกว่าเป้าหมายแล้ว และนับจากนี้คงไม่มีใครกล้าประมาทกับพวกเขาได้อีก
ทีมชาติจอร์แดน
ทีมชาติจอร์แดน เป็นชาติในกลุ่มอาหรับ ซึ่งหากพูดถึงในเรื่องฟุตบอล พวกเขาจะไม่ใช่ชื่อแรก ๆ ที่ใครนึกถึง เพราะฟุตบอลโลกไม่เคยไป หรือต่อให้เป็นรอบ 12 ทีมสุดท้ายของเอเชีย ทัพอัศวินอาหรับก็ไม่เคยไปถึง ส่วนเอเชียนคัพ จะเป็นขาประจำแบบเน้นเข้าร่วม ไม่เน้นเข้ารอบ ฉะนั้นในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาจึงถูกมองว่าอย่างเก่ง คือผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยโควตาอันดับ 3 ที่ดีที่สุดแน่ ๆ ซึ่งผลงานที่ออกมาก็เป็นเช่นนั้น แต่ตัวแปรสำคัญที่สุดสำหรับการเข้ารอบ คือการเสมอกับ เกาหลีใต้ แบบน่าชนะ ส่วนตั้งแต่รอบ 16 สุดท้าย ทุกเกมล้วนเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของจอร์แดน เพราะตั้งแต่เกมกับ อิรัก ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย พวกเขาตามหลัง 1-2 เมื่อครบ 90 นาที แต่ในช่วงทดเวลา พวกรวมใจกันโหมบุกชุดสุดท้าย จนได้ 2 ประตูพลิกแซงชนะ 3-2 พร้อมกับเขี่ยอดีตแชมป์ 1 สมัย ให้ตกรอบไป
ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย อาจจะไม่มีจังหวะสำคัญนัก เพราะการเฉือนชนะ ทาจิกิสถาน ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่เมื่อถึงรอบรองชนะเลิศ สื่อทุกสำนักล้วนเทข้างว่า เกาหลีใต้ คือของจริงที่จะสยบ จอร์แดน ให้กลับบ้าน แต่เมื่อเกมจบลง กลายเป็นโสมแดงที่ต้องกลับบ้าน เมื่อ จอร์แดน รัว 2 ประตูในครึ่งหลัง แถมยังเล่นเกมรับเหนียวแน่น จน เกาหลีใต้ เล่นไม่ออก ซึ่งการผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดของจอร์แดน แม้ว่าท้ายที่สุดจะพ่ายแพ้ต่อ กาตาร์ แบบน่าเจ็บใจ เพราะมีช่วงที่เล่นได้ดีกว่า แต่เมื่อย้อนดูเส้นทางของตัวเอง นี่ถือเป็นผลงานที่เกินความคาดหมาย จนสามารถยกให้เป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์นี้ได้แบบเต็มภาคภูมิ
ทีมชาติกาตาร์
นี่คือแชมป์เก่าเมื่อปี 2019 ที่ถูกคาดหวังว่าจะสานผลงานที่ดีในศึกฟุตบอลโลก 2022 แต่ กาตาร์ดันทำผลงานได้น่าผิดหวัง เพราะตกรอบแบบไม่มีลุ้นอะไรเลย ทำให้ในศึกเอเชียนคัพ 2023 ครั้งนี้ พวกเขาตั้งใจที่ทำผลงานให้ดีในฐานะเจ้าภาพ ซึ่งในรอบแบ่งกลุ่ม กาตาร์คว้าแชมป์กลุ่ม A ตามคาด เพราะเพื่อนร่วมสายไม่หนัก เช่นเดียวกับรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ผ่าน ปาเลสไตน์ ตามคาด แต่เมื่อถึงรอบ 8 ทีม นี่คือจุดชี้วัดว่าพวกเขาแกร่งจริงหรือไม่ โดยในเกมนั้นต้องยิงจุดโทษตัดสิน ก่อนจะโค่น อุซเบกิสถาน ลงได้ ขณะที่รอบ 4 ทีมสุดท้าย อิหร่าน ได้สร้างความลำบากให้พอสมควร แต่ก็ยังเป็น กาตาร์ ที่ยิงแซงชนะ 2-3 แบบหืดจับ จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศกับ จอร์แดน ที่ดูเหมือนจะเบากว่ารอบรองชนะเลิศ กระนั้นเมื่อเอาเข้าจริง ๆ เจ้าภาพไม่ได้เหนือกว่าเลย หากแต่ กาตาร์ มีความนิ่ง และผิดพลาดน้อยกว่า ทำให้เป็นฝ่ายคว้าชัยในเกมนี้ ซึ่งการคว้าแชมป์ 2 สมัยซ้อน ถือเป็นงานที่ยาก เพราะขนาดชาติตัวเต็งก็ยังทำแบบ กาตาร์ ไม่ได้
