
ศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 ใกล้จะได้บทสรุปของทีมแชมป์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่เมื่อหันไปมองทีมที่ตกรอบไปก่อนหน้านี้ ก็มีทีมที่อยู่ในประเภทสอบตก เพราะทำผลงานได้น่าผิดหวัง หรือตกรอบก่อนเวลาอันควร ซึ่งใครบ้างคือผู้สอบตก นับจากนี้เราจะได้ทราบกัน
ทีมชาติจีน
ทีมชาติจีน ถือเป็นชาติใหญ่ที่ตั้งความหวังสูง แต่การเตรียมความพร้อมก่อนแข่ง และผลงานในช่วงหลัง กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนัก ทำให้ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น การเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว แต่เมื่อลงเล่นรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัด ทัพมังกรแดงทำผลงานได้น่าผิดหวังสุด ๆ เพราะไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย โดยเก็บได้แค่ 2 คะแนน จาก ทาจิกิสถาน กับ เลบานอน และยิงประตูคู่แข่งไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว ฉะนั้นความหวังที่จะทีมชาติจีน อยากจะไปฟุตบอลโลกอีกครั้ง คงต้องเลิกคิดไปก่อน เพราะศักยภาพของทีมยังค่อนข้างห่างไกล
ทีมชาติเวียดนาม
ทีมชาติเวียดนาม สร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจในครั้งที่แล้ว เมื่อพวกเขากรุยทางเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนจะโดนทีมชาติญี่ปุ่น เขี่ยตกรอบด้วยสกอร์ 0-1 ส่วน เอเชียนคัพ ครั้งนี้ พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชจาก ปาร์ค ฮัง ซอ มาเป็น ทรุสซิเยร์ ส่วนการจับสลากรอบแบ่งกลุ่ม มีทีมหนักขวางหน้าอยู่ คือ ทีมชาติญี่ปุ่น กับ ทีมชาติอิรัก แต่ก็โชคดีที่มีทีมร่วมอาเซียนอย่าง ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่หากเบียดชนะได้ ก็มีโอกาสเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด โดยเมื่อทัวร์นาเมนต์เริ่มขึ้น ทัพดาวทองสร้างความลำบากให้กับทีมชาติญี่ปุ่น พอสมควร แม้จะแพ้ไปขาดลอย ส่วนเกมกับทีมชาติอิรัก ก็ถือว่าน่าเสียดายที่ไม่สามารถเก็บแต้มได้ ทำให้เกมกับ อินโดนีเซีย ถือเป็นการชี้ชะตาการเข้ารอบ ซึ่งในเกมดังกล่าว ทัพดาวทองดันมีอาการเกร็ง เล่นไม่ออก ยิงไม่ได้ แถมเสียประตูและแพ้ไป 0-1 ตกรอบแรกแบบไม่มีแต้ม ตรงข้ามกับ อินโดนีเซีย ที่ 3 แต้ม นี้ ส่งให้พวกเขาเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุดทีมสุดท้าย
ทีมชาติโอมาน
ทีมชาติโอมาน ถือเป็นชาติในกลุ่มเกรด B ที่สามารถเข้ารอบน็อคเอาท์เอเชียนคัพ ได้ตลอด รวมถึงครั้งที่แล้วที่เข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ส่วนในคราวนี้ พวกเขาถูกมองว่ามีศักยภาพเพียงพอที่เข้ารอบ 16 ทีม โดยนัดแรกกับ ซาอุดิอาระเบีย พวกเขาพ่ายแพ้แบบน่าเจ็บใจ และการเสมอกับไทย 0-0 ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด แต่ก็ยังมีเกมกับ คีร์กีซสถาน ให้ได้เก็บซึ่งพวกเขาก็ทำได้ด้วยการยิงนำไปก่อน 1-0 กระนั้นในช่วงท้ายเกม อยู่ ๆ แนวรับกับผู้รักษาประตู ก็วิ่งออกมาชนกัน จนถูกยิงตีเสมอ 1-1 ทำให้โอมาน กอดคอ คีร์กีชสถาน ตกรอบแรก และล่าสุดก็มีได้มีปลดโค้ชเพื่อเซ่นผลงานที่น่าผิดหวังในครั้งนี้
ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ทีมชาติยูเออี เป็นเจ้าภาพครั้งที่แล้ว และสร้างผลงานได้น่าประทับสุด ๆ เมื่อสามารถกรุยทางถึงรอบรองชนะเลิศ นั่นจึงทำให้การแข่งขันเอเชียน คัพ ครั้งนี้ พวกเขาอยากจะไปให้ได้ไกลที่สุด ซึ่งในรอบแรกผลงานอาจจะไม่น่าประทับนัก แต่ก็สามารถเข้ารอบได้ตามคาด และได้เจอกับ ทาจิกิสถาน ก็ถือเป็นเรื่องดีที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป กระนั้นเมื่อเอาเข้าจริง ๆ กลายเป็น ยูเออี ต้องตามตีเสมอ ทาจิกิสถาน กระทั่งยื้อไปถึงการดวลจุดโทษ แล้วแพ้ทีมม้ามืดจากเอเชียกลางไป 5-3 ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไปแบบรวดเร็ว
ทีมชาติอิรัก
ทีมชาติรัก มักสร้างผลงานที่ดีเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะในเอเชียนคัพ หรือฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก แม้ความสำเร็จที่เป็นชิ้นเป็นอัน จะมีแค่การคว้าแชมป์เอเชียนคัพ 2007 ส่วนการแข่งขันครั้งนี้ การอยู่สายเดียวกับญี่ปุ่น เหมือนจะเป็นงานหนัก แต่การมี เวียดนาม และอินโดนีเซีย อยู่ด้วย ก็ช่วยให้งานของพวกเขาดูเบาลงไปเยอะ กระนั้น การคว้าชัยชนะเหนือ ญี่ปุ่น ก็ทำให้อิรัก ถูกจับตาทันที เพราะนอกจากจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก็เหมือนจะโชคดีที่เจอ จอร์แดน ซึ่งในเกมนั้น อิรัก ยิงนำและรักษาสกอร์มาถึงนาทีที่ 90 แต่พอเข้าสู่ช่วงทดเวลา จอร์แดน มีฮึดและยิงแซง 3-2 พร้อมกับเบียด อิรัก ให้ตกรอบไปแบบช็อกแฟนบอล
ทีมชาติญี่ปุ่น
ผลงานการอุ่นเครื่องของ ญี่ปุ่น ถือว่าโดดเด่นมาก ๆ กับการไล่ตบทีมระดับโลก ทำให้ไม่แปลกนักที่จะถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ของรายการ แต่เมื่อทัวร์นาเมนต์เริ่มขึ้น จุดอ่อนของญี่ปุ่น คือการเสียประตูทุกนัด และนายทวารลูกครึ่งผิวสีอย่าง ซูซูกิ ก็ถูกโจมตีถึงฟอร์มการเล่น เพราะหลายประตูที่เสีย มันยังไม่สุดวิสัยที่ผู้รักษาประตูจะป้องกัน แต่ โมริยาสึ ก็ยังยืนยันที่จะให้เจ้าตัวลงเฝ้าเสาต่อไป กระทั่งถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ญี่ปุ่น ต้องโคจรมาพบกับของแข็งอย่าง อิหร่าน และพ่ายแพ้ในช่วงท้ายเกม ซึ่งการแพ้ อิหร่าน อุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่รูปแบบการเล่นตั้งแต่นัดแรก จนถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทัพซามูไรไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่น่าประทับใจ เสมือนกับทีมที่เพิ่งรวมตัวกันได้ไม่นาน ทั้ง ๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พวกเขาสามารถเอาชนะทีมใหญ่ ๆ ของโลกได้แบบไม่ยากเย็น