
ศึกฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023 เดินทางมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งในรอบที่ผ่านมา ทีมเต็งทีมยักษ์อย่าง ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ มีอันต้องตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย จะมีเหตุการณ์อะไรที่น่าตื่นเต้นบ้าง นับจากนี้จะเราไปเล่าให้ได้ฟังกัน รวมถึงการประกบคู่ในรอบ 8 สุดท้าย ที่มาวิเคราะห์กันว่าใครมีโอกาสเป็น 4 ทีมสุดท้าย ที่จะได้เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ
ทีมชาติทาจิกิสถาน พบกับ ทีมชาติจอร์แดน (2 กุมภาพันธ์, 18.30 น.)
ทีมชาติทาจิกิสถาน ถือเป็นม้ามืดในทัวร์นาเมนต์นี้อย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมา พวกเขาเป็นเพียงไม้ระดับในรอบสุดท้าย แล้วตกรอบแบ่งกลุ่มกลับบ้านไป ส่วนในคราวนี้ก็ต้องลุ้นเสียวถึงนัดสุดท้าย กระทั่งการยิงแซง เลบานอน ในนัดชี้ชะตา ทำให้พวกเขาเข้ารอบมาเจอ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่จะว่าหนักก็ได้ แต่ก็ไม่ยากที่จะเอาชนะ ซึ่งในเกมล่าสุด ทาจิกิสถาน ยิงนำไปก่อน แล้วโดนตีเสมอในนาทีบาป จนมีแววว่าโมเมนตัมจะย้ายฝั่ง แต่สุดท้ายก็เป็นพวกเขาที่ยื้อใน 120 นาที แล้วยิงจุดโทษแม่นกว่าจนคว้าชัยชนะไป
ทีมชาติจอร์แดน เป็นทีมขาประจำของทัวร์นาเมนต์นี้ แล้วในครั้งนี้ได้สร้างผลงานชิ้นเอกด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม แถมยันเสมอ เกาหลีใต้ แบบน่าชนะ ส่วนในรอบ 16 ทีมสุดท้าย นำ อิรัก ก่อน 0-1 แล้วโดนรัวแซง 2-1 แต่จุดเปลี่ยนของเกมมาเกิดขึ้นเมื่อ อิรัก โดนใบแดงไป 1 คน ซึ่งการบดใส่อดีตแชมป์เอเชีย 1 สมัย มาประสบความสำเร็จในช่วงทดเวลา ด้วยการรัว 2 เม็ด แซงชนะ 2-3 แบบสุดระทึก ขณะที่เกมนี้ จอร์แดน ดูเหนือกว่า ทาจิกิสถาน ตามชื่อชั้น จนเชื่อว่าพวกเขาจะหักด่าน พร้อมกับผ่านเข้ารอบต่อไป
ทีมชาติออสเตรเลีย พบกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ (2 กุมภาพันธ์, 22.30 น.)
ออสเตรเลีย เป็นทีมเต็งที่เส้นทางค่อนข้างราบรื่น ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มที่ประคองตัวเข้ารอบ และได้เข้ามาพบกับ อินโดนีเซีย ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดทีมสุดท้าย ซึ่งศักยภาพที่เหนือกว่า ขุนพลจิงโจ้ระเบิดสกอร์ใส่เดอะการ์รูด้าขาดลอย 4-0 ขณะที่ เกาหลีใต้ บอกคนทั้งเอเชียว่าตัวเองเต็มที่ แต่เมื่อคนอื่นมองย้อนกลับไป มันเหมือนพวกเขาอยากเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 เพื่อเลี่ยงการเจอกับ ญี่ปุ่น โดยเฉพาะแมตช์ที่ได้แค่เสมอ จอร์แดน และ มาเลเซีย กระทั่งผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย มาเจอ ซาอุดิอาระเบีย ยิงนำไปก่อน 1-0 พร้อมกับทำท่าว่าหนนี้คงแพ้จริงเพราะฝีมือจริง ๆ กระนั้นในนาทีที่สุดท้ายของการทดเวลา โสมแดงมายิงตีเสมอ 1-1 แบบโกงความตาย และมาโกงความตายซ้ำในการยิงจุดโทษ เมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายยิงแม่นกว่า จนผ่านเข้ารอบมาได้
เกมคู่นี้เป็นการีแมตช์นัดชิงปี 2015 ซึ่งในวันนั้น เกาหลีใต้ เป็นฝ่ายทำแสบ ส่วนในครั้งนี้ ศักยภาพและผลงานของ ออสเตรเลีย ก็ดีพอที่จะเป็นฝ่ายเอาคืน ด้วยการส่งทีมที่เหลี่ยมจัดอย่างเกาหลีใต้ ให้กลับบ้านไป
ทีมชาติอิหร่าน พบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น (3 กุมภาพันธ์, 18.30 น.)
ทีมชาติอิหร่าน เป็นทีมที่มีเกมรุกน่าตื่นตาและแสนเร้าใจ จนสามารถกวาด 9 แต้มเต็มจากรอบแบ่งกลุ่มมาได้ ส่วนในรอบ 16 ทีม ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเขา เมื่อค่อย ๆ บดเอาชนะทีมรองบ่อนอย่าง ซีเรีย ส่วนทางฝั่ง ญี่ปุ่น ไม่แข็งแกร่งเหมือนฟุตบอลโลก ที่ไล่ตบทีมยักษ์ใหญ่ของโลกใบนี้ เพราะในรอบแบ่งกลุ่มก็โดน อิรัก ชิวชัยไปต่อหน้า แถมยังเสียประตูทุกนัดจนถึงรอบ 16 ทีม แม้คู่แข่งจะเป็น บาห์เรน ก็ตาม นั่นจึงทำให้มองเกมนี้ว่าการเสียประตูง่าย ๆ ของทัพซามูไร จะเป็นตัวแปรสำคัญให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้ในเกมนี้
ทีมชาติกาตาร์ พบกับ ทีมชาติอุซเบกิสถาน (2 กุมภาพันธ์, 22.30 น.)
เจ้าภาพที่หมดสภาพในฟุตบอลโลก กำลังมีความมั่นใจอีกครั้งในฟุตบอลเอเชียนคัพ ครั้งนี้ เพราะในรอบแบ่งกลุ่ม กาตาร์ เป็นอีกทีมที่เก็บ 9 แต้มเต็ม จนได้มาพบกับ ปาเลสไตน์ ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งพวกเขาได้อาศัยการเป็นเจ้าภาพ และศักยภาพที่เหนือกว่า บดเอาชนะไปแบบนิ่ม ๆ 2-1
อุซเบกิสถาน เป็นอีก 1 ชาติยักษ์ใหญ่ในเอเชีย ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ หรือไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยในรอบแบ่งกลุ่มได้คลานตาม ออสเตรเลีย เข้ารอบ จนมาเจอกับ ไทย ที่เหมือนจะเป็นงานง่าย แต่กลับต้องออกแรงเหนื่อย กว่าจะเฉือนเอาชนะมาได้ ซึ่งในรอบนี้การเจอกับ กาตาร์ อาจจะหนักขึ้นมาเล็กน้อย แต่เชื่อสนิทใจว่า อุซเบกิสถาน สามารถเอาชนะได้ พร้อมกับกระซิบบอก กาตาร์ ว่านี่คือของจริง