5 ประเด็นน่าสนใจ หลัง คล็อปป์ ประกาศลาลิเวอร์พูล

คล็อปป์ ประกาศลาลิเวอร์พูล

ข่าวใหญ่เมื่อช่วงเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้สร้างแรงสะเทือนต่อวงการลูกหนังไปทั่วโลก เมื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ออกมาประกาศว่าตนเองจะลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล หลังฤดูกาลนี้สิ้นสุดลง ทั้ง ๆ ที่สัญญายังเหลือถึงปี 2026 นั่นจึงทำให้สื่อและแฟนบอล ต่างออกมาตั้งคำถามถึงสถานการณ์ภายในทีม รวมถึงผลกระทบที่จะตามมา จนออกมาเป็น 5 ประเด็นน่าสนใจ ที่อยากจะมาถกอย่างละเอียดในบทความนี้

หมดไฟจริง ๆ หรือทะเลาะกับบอร์ด ?

จากวิดีโอแถลงของสโมสร และการสัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ คล็อปป์ให้เหตุผลว่าตนเองหมดไฟ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มร้อยเหมือนที่ผ่านมา และหลังจากนั้นก็มีข่าวยืนยันว่าสตาฟโค้ชทั้งชุด จะลาออกไปพร้อมกับ คล็อปป์ ทำให้กระแสเริ่มเทข้างไปที่ คล็อปป์ ทะเลาะกับบอร์ดบริหาร ซึ่งความจริงในเบื้องลึกไม่มีใครรู้ได้ นอกเสียจากเวลาผ่านไปแล้วกลับมาพูดถึง กระนั้นเมื่อมองจากอดีตที่ผ่านมา คล็อปป์ จะประกาศลาออกก่อนซีซั่นจะจบ และทีมสตาฟจะเป็นอันหนึ่งเดียวกัน คือมาด้วยกัน และไปด้วยกันแบบยกแผง

นอกจากนี้ เมื่อย้อนกลับดูนิสัยส่วนของคล็อปป์ เจ้าตัวจะเป็นคนที่พูดอย่างตรงไปตรงมา และจริงใจกับทุกคนที่ร่วมงานด้วย ฉะนั้นเหตุผลที่บอกว่าหมดไฟในการทำงาน อาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะตั้งแต่งานแรกที่ ไมนช์ 05 ต่อเนื่องถึง ดอร์มุนด์ และ ลิเวอร์พูล คล็อปป์ ทำงานเป็นระยะเวลากว่า 24 ปี ซึ่งการรับงานโค้ชทีมใหญ่ มันเป็นงานที่ไม่ได้หยุดใช้สมอง มีความเครียด มีความกดดันตลอดเวลา และมุมมองของ คล็อปป์ เชื่อว่าเขาต้องการทำในสิ่งที่ปรารถนาอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงคิดถึงเรื่องฟุตบอล แล้วเมื่อไรที่รู้สึกชาร์ตแบตเต็ม ก็ค่อยกลับมารับงานอีกครั้ง

สภาพจิตใจของนักเตะจะเป็นอย่างไร ?

หลายคนมองว่าการประกาศลาออกของ คล็อปป์ จะทำให้สภาพจิตใจของนักเตะแย่ลง และมีผลงานที่ไม่ดี เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2001 ซึ่งการประกาศวางมือของ เซอร์อเล็กช์ ทำให้ผลงานของทีมออกทะเล แต่เมื่อมองถึงโมเมนตัมจาก 2 เคสนี้ มันมีความแตกต่างกันตรงที่ แมนยู ณ เวลานั้น ประสบความสำเร็จแบบสูงสุด จนไม่มีความท้าทายใด ๆ ให้พิชิตอีกแล้ว ส่วน ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ ยังมีภารกิจให้ลุ้นถึง 4 แชมป์ และยูโรป้าลีก คือถ้วยแชมป์ที่คล็อปป์ ยังไม่เคยสัมผัส ฉะนั้นการรวมใจคว้าแชมป์ที่ได้ลุ้นอยู่ในตอนนี้ จะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในการส่งท้ายให้เจ้านาย

ผู้จัดการทีมคนใหม่ คือ ?

ทันทีที่ข่าวออกมาว่า คล็อปป์ จะอำลาทีมหลังจบซีซั่น ข่าวลือและตัวเต็งที่น่าจะมาเข้ามาคุมต่อ จึงเป็นที่สนใจในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเต็งหนึ่งเป็น ชาบี อลองโซ่ ที่ยกระดับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จากทีมหนีตกชั้น กลายมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ในขณะนี้ อีกทั้งการเป็นอดีตตำนานของทีม ก็ยิ่งทำให้แฟนบอลเทใจให้อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนเต็งรายอื่นอย่าง โรแบร์โต้ ดิ แซร์บี้ ก็น่าสนใจ เพราะเป็นผู้ต่อยอดไบรท์ตัน ให้กลายเป็นทีมระดับครึ่งบนของตารางพรีเมียร์ลีก และได้ไปลุยถ้วยยุโรปในฤดูกาลนี้ ส่วนในรายของ เป๊ป ไลน์เดอร์ ถ้าออกพร้อม คล็อปป์ แล้วกลับมารับงานคุมทีม ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะอยู่กับทีมมานาน แต่ปัญหาติดอยู่ตรงที่สื่อต่างประเทศ ไม่ค่อยเล่นข่าวนี้ ปิดท้ายที่เจอร์ราร์ด คงไม่ต้องหวังกับดีลนี้ เพราะผลงานการคุมทีมแอสตัน วิลล่า ก็ถือเป็นที่ประจักษ์ ว่าเจ้าตัวยังมือไม่ถือ

ฤดูกาล 2025-2027 คือช่วงหัวต่อสำคัญ!

เมื่อไรที่ผู้จัดการทีมคนหนึ่งอยู่กับทีมมานาน แล้วมีอันต้องลงจากตำแหน่ง นั่นคือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของทีม เพราะคนที่มาแทน ต้องแบกรับความกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และที่สำคัญคือ ไม่ค่อยมีปรากฏที่คนมาใหม่จะทำได้เหนือกว่าคนเก่า ฉะนั้นการเลือกคนมาแทน เยอร์เก้น คล็อปป์ จะต้องเลือกอย่างรอบคอบ และอย่างเก่งคือรักษามาตรฐานให้อยู่ในกลุ่มทีมลุ้นแชมป์ก่อน มิเช่นนั้นทีมจะแกว่ง จนเหมือนกับที่เคยเป็นมา ซึ่งต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเจอคนที่ใช่  

คนแบบ คล็อปป์ สายน้ำไม่เคยย้อนกลับ

หากใครมองในแง่ดีว่าการจากลาในวันนี้ ในอนาคตอาจจะได้กลับมาร่วมงานกันอีก แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งผู้จัดการทีม แต่หากมองจากลักษณะการทำงานของ คล็อปป์ มันอาจจะเป็นเรื่องยาก เพราะเจ้าตัวมักมองหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตัวเอง และไม่นิยมกลับมารับงานที่เก่า รวมถึงการเลือกนักเตะ ที่หากออกจากทีมไป โอกาสก็แทบเป็นศูนย์ที่จะได้กลับมาร่วมงานกันอีก กระนั้นในอนาคตก็เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน และคล็อปป์ อาจกลับมาทำงานในตำแหน่งอื่นกับลิเวอร์พูล ก็เป็นได้

howto

สมัครผ่านไลน์

สมัครบาคาร่า

สมัคร AUTO

สมัครแทงหวย

ทางเข้า ufabet

แทงหวย

ฝากถอนออโต้