ศึกฟุตบอลเอเชียน คัพ จบการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งโฉมหน้าของทีมที่ตกรอบแบบพลิกความคาดหมาย ต้องยกให้ทีมชาติโอมาน ที่ดันตกรอบเพราะตัวเอง ทำให้ส้มหล่นตกไปที่ทีมชาติอินโดนีเซีย ขณะที่ความพ่ายแพ้ของ ทีมชาติญี่ปุ่น ต่อทีมชาติอิรัก ก็ได้สร้างความว้าวุ่นกันทั้งทวีปเอเชีย เพราะผลการแข่งขันในสายอื่น ๆ เหมือนมีความพยายามจะเลี่ยงการเจอพวกเขา โดยเฉพาะทีมชาติเกาหลีใต้ ที่เสมอกับทีมชาติมาเลเซีย แบบเหนือความคาดความ กระนั้น ตั้งแต่รอบนี้ไป จะไม่มีใครสามารถเลี่ยงการเจอกันได้อีกแล้ว และต่อไปคือโฉมหน้าและการประกบคู่ รอบ 16 ทีมสุดท้าย
ทีมชาติออสเตรเลีย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย (28 มกราคม, 18.30 น. )
ออสเตรเลีย เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่ม B พร้อมกับเส้นทางที่ไม่ยากเย็น เพราะตุนไว้ 6 แต้ม จาก 2 นัด แล้วมาเก็บ 1 แต้มส่งท้ายจาก อุซเบกิสถาน ขณะที่คู่แข่งเป็น อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นอันดับ 3 ที่ดีที่สุดทีมสุดท้าย จากกลุ่ม D ที่ผ่านเข้ารอบมาด้วยการมีคะแนนในมือเพียง 3 แต้ม จากการชนะเวียดนาม 1-0 ฉะนั้นไม่ต้องสืบ ว่าจิงโจ้เหนือกว่าทุกเหลี่ยมมุม และจะคว้าชัยชนะอย่างแน่นอน
ทีมชาติทาจิกิสถาน พบกับ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (28 มกราคม, 23.00 น.)
ทาจิกิสถาน ถูกมองว่าเป็นไม้ประดับของกลุ่ม ที่จะมีอันต้องตกรอบแรกอย่างแน่นอน ซึ่งเมื่อผ่านไป 2 นัด สถานการณ์ก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แต่เกมสุดท้ายกับ เลบานอน ถือเป็นเกมพลิกนรกแบบสุดขั้น เพราะมายิงแซง 2-1 ในช่วงท้ายเกม ทำให้ผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม A ส่วนคู่แข่งอย่าง ยูเออี สถานการณ์จะต่างออกไป เพราะพวกเขาเก็บได้ 4 แต้ม จาก 2 นัด ทำให้เข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม C แบบไม่ต้องกดดันตัวเอง แล้วการได้มาเจอกับ ทาจิกิสถาน ก็ถือเป็นงานที่ไม่หนัก ทำให้เชื่อว่า ยูเออีจะผ่านรอบนี้ได้สบาย
ทีมชาติอิรัก พบกับ ทีมชาติจอร์แดน (29 มกราคม, 18.30 น.)
อิรัก โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง เมื่อเก็บ 9 แต้มเต็ม จาก 3 นัด ในกลุ่ม D และหนึ่งในนั้นคือการชนะญี่ปุ่น ซึ่งได้สร้างความว้าวุ่นกันไปทั่วทวีปเอเชีย ส่วนทางฟาก จอร์แดน การยิง มาเลเซีย ได้ 4 ประตู และยันเสมอ เกาหลีใต้ ทำให้พวกเขาลอยลำเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ซึ่งการได้เจอกับอดีตแชมป์เอเชีย 1 สมัย อิรักน่าจะเฉือนชนะและเข้ารอบต่อไปได้ไม่ยาก
ทีมชาติกาตาร์ พบกับ ทีมชาติปาเลสไตน์ (29 มกราคม, 23.00 น.)
กาตาร์เจ้าภาพ โชว์ฟอร์มได้อย่างสวยหรู กับการเก็บ 9 แต้มจาก 3 นัด ทำให้ลอยลำเข้ารอบแบบไม่ต้องมองคู่อื่น โดยคู่แข่งของพวกเขา คือเพื่อนบ้านอย่างปาเลสไตน์ ที่เกมทุกนัดที่ผ่านมา พวกเขาสู้ถวายหัวเพื่อคนในชาติ โดยเฉพาะเกมแบ่งแต้มจาก ยูเออี ที่เสมือนเป็นการต่อลมหายใจ ก่อนจะมาอัด ฮ่องกง จนเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากกลุ่ม C แต่เมื่อดูจากชื่อชั้นและสภาพทีมแล้ว กาตาร์ เป็นฝ่ายเข้ารอบแน่นอน
ทีมชาติอุซเบกิสถาน พบ ทีมชาติไทย (30 มกราคม, 18.30 น.)
การเก็บ 5 แต้ม และจบอันดับที่ 2 ของกลุ่ม B ถือเป็นเรื่องที่ไม่เสียหายสำหรับ อุซเบกิสถาน แต่เมื่อเทียบกับอดีตที่ผ่านมา ผลงานในตอนนี้อาจจะดูดรอปลงไป ส่วนคู่แข่งอย่าง ทีมชาติไทย เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม F โดยมีสถิติอันยอดเยี่ยม คือการไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว ซึ่งตรงจุดนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญ ให้ทัพช้างศึกไม่แพ้ในเวลาปกติ แต่ใครจะชนะในท้ายที่สุด มันสามารถออกได้ทั้ง 2 หน้า
ทีมชาติซาอุดีอาระเบีย พบ ทีมชาติเกาหลีใต้ (30 มกราคม, 23.00 น.)
ชาอุดีอาระเบีย กว่าจะคว้า 3 แต้ม ในแต่ละนัด พวกเขาต้องออกแรงเหนื่อยทุกที แต่ก็สามารถประคองคว้าแชมป์กลุ่ม F ได้สำเร็จ ส่วนคู่แข่งที่จะพบ ดันเป็นของแข็งอย่าง เกาหลีใต้ ซึ่งเหมือนมีความตั้งใจจะจบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม E เพื่อเลี่ยงการเจอ ญี่ปุ่น โดยแผนที่ทัพโสมวางมา น่าจะประสบความสำเร็จ กับการหักด่านอินทรีมรกตแล้วเข้ารอบต่อไป
ทีมชาติบาห์เรน พบกับ ทีมชาติญี่ปุ่น (31 มกราคม, 18.30 น.)
บาห์เรน ออกสตาร์ทด้วยความพ่ายแพ้ต่อ เกาหลีใต้ แต่ในเกมชี้วัดกับ มาเลเซีย ถือเป็นโมเมนตัมสำคัญ เพราะมาได้ 3 แต้ม ในนาทีสุดท้ายของการทดเวลา และการมาได้ 3 แต้ม เหนือ จอร์แดน ก็เหมือนเป็นการถีบให้พวกเขาคว้าแชมป์กลุ่มแบบงง ๆ โดยไม่ต้องลุ้นอันดับ 3 ที่ดีที่สุด ส่วนคู่แข่งอย่าง ญี่ปุ่น การพ่ายแพ้ อิรัก และเสียประตูทุกนัด ดูจะเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขแบบด่วน ๆ แต่สำหรับเกมนี้ อีกาดำน่าจะผ่านได้ไม่ยาก
ทีมชาติอิหร่าน พบกับ ทีมชาติซีเรีย (30 มกราคม, 23.00 น.)
อิหร่าน เป็นอีกทีมที่เก็บ 9 แต้มเต็ม พร้อมคว้าแชมป์กลุ่ม c แบบสบาย ๆ แม้จะมีลุ้นเสียวในเกมที่ 2 กับ 3 เพราะเฉือนชนะคู่แข่งแค่ลูกเดียว ส่วนคู่แข่งอย่าง ซีเรีย เข้ารอบในฐานะอันดับ 3 กลุ่ม B ซึ่งการยันเสมอ อุซเบกิสถาน และเฉือนชนะ อินเดีย ถือผลงานที่ตรงตามเป้าหมาย หากจะมีลุ้นเข้ารอบ โดยเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย แล้วต้องเจอทีมขาประจำฟุตบอลโลกอย่าง อิหร่าน ยังไง ซีเรีย ก็ไม่มีทางรอด
