
ศึกฟุตบอลยูโร 2024 รอบชิงชนะเลิศ ทีมชาติสเปน อดีตแชมป์ 3 สมัย ลงเล่นในศึกยูโรครั้งนี้ ด้วยสถิติคว้าชัย 6 นัดรวด และมีเพียงนัดเดียวที่ต้องต่อเวลา 120 นาที พบกับ ทีมชาติอังกฤษ ที่ชอบโดนยิงก่อน แล้วค่อยยิงแซงชนะ ซึ่งการเข้าชิงยูโรเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ย่อมหวังถึงการคว้าถ้วยกลับบ้านในรอบ 58 ปี

สเปน เป็นฝ่ายครองบอล แต่มีปัญหาในการเข้าทำเมื่อถึงแดน 3 เพราะการจ่ายบอลเข้ากรอบเขตโทษ ล้วนติดแนวรับของ อังกฤษ จนทำให้ในบางจังหวะ เลือกเปิดบอลยาว แต่ก็ไม่เข้าเป้าเลย ส่วน อังกฤษ มาตั้งรับตามคาด แล้วสามารถยืนป้องกันได้ดี กระนั้น การสวนกลับไม่สามารถทำได้ถนัด เพราะเมื่อ สเปน เสียบอล ก็จะทำการเข้าปั๊มบอลแย่งทันที
ครึ่งหลังเริ่มมาได้นาทีเศษ สเปน ปรับแผนการออกบอล แล้วได้ผลตั้งแต่จังหวะบุกชุดแรก เมื่อ ยามาล แตะบอลเข้าใน แล้วป้ายออกด้านซ้ายให้ วิเลียมส์ ได้วิ่งเข้ามาซัดให้ทีมนำ 1-0 จากนั้นยังคงเป็น สเปน ที่ครองเกม และสร้างจังหวะอยู่เรื่อย ๆ แต่ประตูที่ 2 ยังไม่มา ส่วนทางฝั่ง อังกฤษ การแก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัว ไม่ค่อยได้ผล จนกระทั่งการส่ง พาลเมอร์ ลงสู่สนาม ก็ได้เป็นผลให้ อังกฤษ ตามตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 73 ซึ่งในนาทีนั้น โมเมนตัมเหวี่ยงไปหาทัพสิงโตคำราม แต่ เซาธ์เกต เลือกเลือกถอยไปตั้งรับ ทำให้กลายเป็นโอกาสของ สเปน ในการต่อบอลบุกใส่ สุดท้ายกระทิงดุมาได้ประตูชัย 2-1 จากการขึ้นบอลเร็วและจบที่ โอยาร์ซาบัล ฉีกตัวมาสไลด์บอลเข้าประตู
บทสรุปจากเกม ทีมชาติสเปน มีเกมรุกที่ไม่ลงล็อคในครึ่งแรก แต่เมื่อกลับมาลงเล่นในครึ่งหลัง การแทงบอล และการวางบอลเปลี่ยนแกนเพื่อโจมตีเร็ว คือ จุดเปลี่ยนที่ทำให้ยิงประตูได้ แม้จะมีช่วงที่ใช้โอกาสเปลื้อง ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติอังกฤษ มีรูปแบบชัดเจน คือ การเล่นแบบรัดกุมไม่ให้แพ้ไว้ก่อน แต่เมื่อโดนยิงนำเร็วในครึ่งหลัง จึงจำเป็นต้องเปิดเกมรุก ซึ่งตอนแรกดูเหมือนจะเจองานยาก กระทั่งการยิงเหน่ง ๆ ครั้งแรกจาก พาลเมอร์ ถือว่าดวงเฮงสุด ๆ ที่ตีเสมอ 1-1และเป็นโอกาสดีที่ฮึดยิงแซงได้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะกลับไปตั้งรับอีกครั้ง จนในท้ายที่สุดเมื่อโดนยิงในช่วงท้ายเกม จึงแทบไม่มีเวลาได้แก้ตัวอีก