หนึ่งในข่าวใหญ่ของสัปดาห์นี้ หนีไม่พ้นอนาคตของ ทูเคิ่ล ที่ถูกจับตามาตลอดว่าจะบอร์ดบริหารของ บาเยิร์น มิวนิค จะเอาอย่างไร หลังจากผลงานของทีมย่ำแย่ จนส่อแววจะเสียแชมป์ให้กับนายห้างขายยาอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สุดท้ายเรื่องนี้ได้บทสรุป เมื่อบอร์ดบริหารเสือใต้ กับเฮดโค้ชชาวเยอรมัน ตกลงที่จะแยกทางกันเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งที่ ทูเคิ่ล จบไม่สวย และอยู่ได้ไม่นาน โดยอะไรเป็นสาเหตุ บทความนี้จะพาไปวิเคราะห์กัน
เป็นยอดโค้ชตั้งแต่อายุยังน้อย
ทูเคิ่ล เป็นนักฟุตบอลที่ไม่ได้โด่งดัง แล้วเมื่อเลิกเล่นฟุตบอล ก็เริ่มจับงานโค้ชตั้งแต่อายุ 34 ปีเท่านั้น ซึ่งการได้คุมทีม ไมนช์ 05 และ ดอร์มุนด์ ต่อจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ทั้ง 2 ที่ มันจึงทำให้ชื่อเสียงของ ทูเคิ่ล เป็นที่รู้จัก และเนื้อหอมจนใคร ๆ ก็อยากจะดึงไปคุมทีม โดยการทำงานในเยอรมันบ้านเกิด มันได้แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเป็นคนที่เก่ง มีสไตล์การทีมที่คาดเดาไม่ได้ จนกลายเป็นผลลัพธ์ของความสำเร็จ
เดินตามรอย เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดอร์มุนด์
ฝีมือความเก่งกาจของ ทูเคิ่ล ถูกจับตามากยิ่งขึ้น เมื่อเจ้าตัวออกจาก ไมนช์ 05 แล้วถูกทาบทามให้มารับงานที่ ดอร์มุนด์ ซึ่งทั้ง 2 ที่นี้ คือที่ทำงานเก่าของ คล็อปป์ ทำให้ราศีของ ทูเคิ่ล ถูกจับตามมองจากทีมใหญ่ ว่านี่คือยอดกุนซือที่รอวันแจ้งเกิดในอนาคต ซึ่งการทำงานที่เสือเหลือง ทูเคิ่ล นำแชมป์บอลถ้วยกลับมาให้สโมสร แต่จุดจบกลับไม่สวย เมื่อมีการสั่งปลดจากบอร์ดบริหาร แล้วมีการมาแถลงเพิ่มเติมว่าสโมสรต้องมีการแยกทาง เพราะมีปัญหาในเรื่องของแนวทางการทำงาน กับทีม สต๊าฟของทูเคิ่ล
ออกนอกประเทศ มารับงานกับ เปเอสเช
การมารับงานที่ฝรั่งเศส ทุกคนต่างรู้กันดีว่า ทูเคิ่ล คงอยู่ไม่นาน เพราะลีกเอิงไม่มีความท้าทาย จะมีได้ลุ้นก็แค่ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก รวมถึงในช่วงปี 2018 ทีมใหญ่ในลีกชั้นนำของยุโรป ไม่ได้อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายกุนซือ ทำให้ชื่อของ เปเอสเช คือตัวเลือกที่ดีที่สุดในตอนนั้น ซึ่งการทำทีมคว้าแชมป์ทุกถ้วยในประเทศ ไม่ใช่เป้าหมายของสโมสร หากแต่เป็นแชมป์ยุโรป ที่เจ้าของทีมต้องการ แล้ว ทูเคิ่ลก็เกือบจะทำสำเร็จ แต่ไปแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ จากนั้นข่าวลือก็เริ่มหนาหูว่า ทูเคิ่ล มีความขัดแย้งกับบอร์ดบริหาร ที่ไม่ยอมซื้อตัวผู้เล่นที่ ทูเคิ่ล ต้องการ รวมถึงมีการโจมตีบอร์ดบริหาร และนักเตะออกสื่อ จนเกิดรอยร้าวภายในทีม สุดท้าย เปเอสเช ก็เป็นอีกทีมที่ปลดกุนซือชาวเยอรมันในปี 2020 หลังจากทำงานมาได้ 2 ปีเศษเท่านั้น
เชลซี ให้ทุกอย่าง แต่ ทูเคิ่ล ก็ถูกปลด !
ทูเคิ่ล ได้รับโอกาสจาก เชลซี ให้มาคุมทีมในเกาะอังกฤษเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวได้โชว์ฝีมือการทำงานระดับเทพ โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 2 พ่วงกับแชมป์สโมสรอีกสมัย ส่วนในเรื่องของการซื้อนักเตะ บอร์ดบริหารของสิงห์บูลไม่เคยบกพร่องและจัดให้ตลอด นั่นจึงทำให้ทุกองค์ประกอบกำลังไปได้สวย กระทั่งมีเหตุการสงครามรัสเซีย-ยูเครน และรัฐบาลอังกฤษได้ออกมาตรการกดดันต่อธุรกิจของชาวรัสเซีย นั่นจึงทำให้เจ้าของเก่าอย่างเสี่ยหมี ต้องขายสโมสรให้ ท็อดด์ โบห์ลี แล้วหลังจากนั้นก็เกิดความไม่ลงรอยกันที เพราะแนวทางการทำงานไม่ตรงกัน เช่น โบห์ลี พาแขกเข้าเยี่ยมนักเตะในห้องแต่งตัว ทั้งที่ตอนนั้นกำลังแข่งขันอยู่ ซึ่งตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่ ทูเคิ่ล รับไม่ได้ อีกทั้งยังมีข่าวลืออีกว่า ทูเคิ่ล มีปัญหากับนักเตะ มีอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าปกติ สุดท้ายเมื่อผลงานไม่ดี เจ้าของใหม่ชาวอเมริกันก็ได้โอกาสปลดทิ้งทันที พร้อมกับมีซุบซิบว่า ความฉุนเฉียวของ ทูเคิ่ล มาจากเรื่องความรักของเจ้าตัว จนเป็นเหตุให้เสียการควบคุมห้องแต่งตัว นักฟุตบอลไม่ปกป้อง และถูกปลดแบบไร้เยื่อใย
กลับบ้านเกิด แล้วลงเอยแบบเดิม
ทูเคิ่ล ว่างงานได้ไม่นาน ก็กลับมาคุมทีมในประเทศบ้านเกิด และการได้คุมบาเยิร์น มิวนิค ก็ถือเป็นเกียรติสำหรับกุนซือทุกคน แต่การเข้ามาทำงานกลางปี 2023 ทูเคิ่ล ได้ไม่ช่วยยกระดับทีมให้ดีไปจากเดิมสักเท่าไร แถมการคว้าแชมป์ลีกก็เหมือนเป็นส้มหล่นที่ดอร์มุนด์ พลาดเอง จนฤดูกาลล่าสุดนี้ ผลงานการทำทีมของ ทูเคิ่ล ก็สื่อให้เห็นมาตลอด ว่าไม่ได้มีพัฒนาการที่ดีขึ้น แล้วยิ่งมีการเปลี่ยนกลุ่มบอร์ดบริหารชุดใหม่ ก็มิวายที่จะต้องทะเลาะกัน รวมถึงยังมีข่าวลือว่าทะเลาะกับนักเตะ โดยเฉพาะในเกมกับ เลเวอร์คูเซ่น ที่ทูเคิ่ล อธิบายถึงเหตุผลของการปรับแผน ว่าแท็กติกนี้เหมาะสมกับฝีเท้านักเตะ แต่หากเกมนี้แพ้ มันก็เป็นเพราะนักเตะเอง สุดท้ายเกมนี้ก็แพ้จริง ๆ แล้วผลงานก็ดิ่งหนัก กระทั่งถูกเชือดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
การทำงานของ ทูเคิ่ล กับสโมสรต่าง ๆ เมื่อเราได้เห็นถึงปัจจัยที่ต้องแยกทาง และข่าวลือซุบซิบหนาหู มันจึงสามารถสรุปได้ว่า ทูเคิ่ล เป็นคนหัวแข็ง ยอมหักไม่ยอมง้อ มีความมั่นใจในตัวเองสูง มีความเชื่อว่าไอเดียของตัวเองถูกต้องเสมอ และที่สำคัญคือ เป็นคนพูดขวานผ่าซาก ด้วยการพูดตรง ๆ ตามความเป็นจริงที่ตัวเองคิด แบบไม่คำนึงถึงการรักษาน้ำใจคนที่กล่าวถึง ซึ่งจุดนี้ถือเรื่องสำคัญของคนเป็นเจ้านายที่ควรมีให้กับลูกน้อง เพราะหากตัวเองไม่เคยให้ใจนักฟุตบอล ก็อย่าหวังว่านักฟุตบอลไหนจะเล่นถวายหัว โดยเฉพาะในวันที่โค้ชยากลำบาก รวมถึงการทำงานกับหน่วยเบื้องบน ที่หากไร้ความยืดหยุ่น และยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง การทำงานร่วมกับคนอื่นก็ย่อมลำบาก และการแยกทางก็จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ กับ ทูเคิ่ล
