
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กลับมาลงเตะอีกครั้ง หลังจากหลีกทางให้กับโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ โดยในสัปดาห์นี้มีครบทุกรส ไม่ว่าจะเป็นเกมหักปากกาเซียน เกมโกงความตาย และเกมดราม่าซ้อนดราม่า ส่วนซุปเปอร์มหาบิ๊กแมตช์สัปดาห์นี้ จบลงด้วยผลเสมอ ส่งผลให้ ลิเวอร์พูล ครองจ่าฝูงหลังจบแมตช์ที่ 30 ในขณะที่การแข่งขันเหลืออีก 9 นัด
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 4-3 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
เป็นเกมโกงความตายอย่างแท้จริง แม้ นิวคาสเซิ่ล จะได้จุดโทษ และประตูขึ้นนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 5 กระนั้น เวสต์แฮม ไม่ปล่อยให้นำนาน เมื่อพวกเขาตามตีเสมอ 1-1 จากลูกยิงเต็มข้อของ อันโตนิโอ ในนาทีที่ 22 และนาทีที่ 45+10
เวสต์แฮม แซงนำ 1-2 จากลูกสวนกลับ ไม่เพียงเท่านั้น ขุนค้อนมาได้ประตูทิ้งห่าง 1-3 จากการสวนกลับอีกครั้ง จนทำท่าว่าชัยชนะจะตกเป็นของทีมเยือน แต่การเสียจุดโทษอีกครั้ง ก็ได้กลายเป็นการปลุกเร้า นิวคาสเซิ่ล ด้วยการยิงตีตื้น 2-3 ในนาทีที่ 76 ตามด้วยการยิงตีเสมอ 3-3 ในนาทีที่ 83 และแซงนำ 4-3 ในนาทีที่ 90 ปิดจ็อบคว้า 3 แต้ม แบบโกงความตาย
เชลซี 2-2 เบิรน์ลีย์
ผลการแข่งคู่นี้ ถือว่าพลิกล็อกพอสมควร เมื่อ เบิรน์ลีย์ สามารถบุกมาแบ่งแต้มจาก เชลซี ได้ แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกม 1 แต้มนี้เสมือนกับ 3 แต้ม เพราะทีมเยือนเหลือผู้เล่น 10 คน ก่อนจบครึ่งแรก แถมเสียจุดโทษจนเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ของ เชลซี ส่วนในครึ่งหลัง เบิร์นลีย์ เปิดหน้าสู้ แล้วได้ประตูตีเสมอ 1-1 อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 47 จากนั้นต่างฝ่ายต่างพยายามบุกใส่กัน กระทั่งนาทีที่ 78 เป็นเจ้าถิ่นที่ขึ้นนำ 2-1 จากลูกจ่ายไขว้หลังให้ พาเมอร์ ยิง แต่ไล่หลังแค่ 3 นาที เบิรน์ลีย์ ก็มาโขกตีเสมอ 2-2 เก็บ 1 แต้มกลับออกไปแบบสะใจ
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-3 ฟูแล่ม
ครึ่งแรกไม่มีสกอร์ และรูปเกมก็ไม่ได้น่าตื่นตาขนาดนั้น ตรงข้ามกับครึ่งหลังที่ยิงรวมกันถึง 6 ประตู ซึ่งเริ่มจากลูกยิงนำ 1-0 ของ เชฟฟิลด์ ในนาทีที่ 59 จากนั้นประตูตีเสมอ 1-1 ก็ตามมาในนาทีที่ 63 แต่การฉวยโอกาสเล่นฟรีคลิกเร็ว ก็ช่วยให้ทัพดาบคู่นำ 2-1 และไล่หลัง 3 นาที มาบวกเพิ่มเป็น 3-1 จากลูกโขกจ่อ ๆ หน้าปากประตู
จนทุกอย่างเหมือนจะเข้าทาง เชฟฟิลด์ แต่การล้ำหน้าจนถูกริบประตู 4-1 ดันกลายเป็นการปลุกเจ้าสัวน้อยให้ตื่นจากหลุม เมื่อ
ฟูแล่ม จัดการดาหน้าบุกใส่ จนมาได้ประตู 3-2 จากลูกยิงไกล และการกระโดดฟาดตีเสมอ 3-3 แบบสุดสวย ทำให้การจบผลเสมอ ถือเป็นบุญของ เชฟฟิลด์ เพราะในช่วงทดเวลามีแกว่ง จนเกือบจะโดนลูก 4-3 เสียด้วยซ้ำ
สเปอร์ 2-1 ลูตัน ทาวน์
เป็นเกมที่หืดจับของ สเปอร์ส อีกครั้ง เมื่อการขึ้น
เกมบุกครั้งเรก ลูตัน ก็ได้ประตูนำ 0-1 จน สเปอร์ส ต้องเร่งทำเกมบุก แต่จังหวะที่ได้ลุ้นมากที่สุด ดันมาจากการฉกบอลจากคู่แข่ง แล้วยิงชนเสา และติดแนวรับเจ้าถิ่น ส่วนเกมในครึ่งหลัง สเปอร์ส ปรับเกมรุก จนเห็นการทำชิ่งสามเหลี่ยม แล้วเพียงแค่นาทีที่ 51 ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 แบบมีโชคเล็กน้อย เมื่อแนวรับทีมเยือนสกัดเข้าประตูตัวเอง จากนั้น ไก่เดือยทองจ่อจะได้ประตูนำหลายหนก็ยังไม่สำเร็จ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 87 ซน เฮือง มิน ยิงแฉลบเปลี่ยนทางเข้าเป็น 2-1
บอรน์มัธ 2-1 เอฟเวอร์ตัน
บอรน์มัธ เริ่มต้นเกมนี้ได้ดี ขึ้นเร็ว ทำเร็ว จบเร็ว แต่ยังยิงนำไม่ได้ ส่วน เอฟเวอร์ตัน พอผ่านครึ่งชั่วโมง ก็เริ่มสร้างจังหวะ จนมีลุ้นบ้างเหมือนกัน ขณะที่ครึ่งหลัง เจ้าบ้านพยายามขึง แล้วโยนบอลเข้ากรอบเขตโทษ จนไปเข้าหัว โซลันกี้ โขกแสกหน้า พิคฟอร์ด เข้าไปในนาทีที่ 65 แต่อย่างไรก็ดี ทั้ง 2 ทีมมาแจกโชคให้กันในช่วงท้ายเกม เริ่มจาก เนโต้ รับหลุดมือ จนโดนยิงจ่อ
ๆ ตีเป็นเสมอ 1-1 ก่อนตามด้วย โคลแมน จะเล่นบอลด้วยหน้าอก แต่บอลลั่นจนกลายเป็นประตูชัย 2-1 ของเดอะเชอร์รี่
นอตติ้งแฮม ฟอเรตส์ 1-1 คริสตัล พาเลช
คริสตัล พาเลช มาแบบดุดัน แล้วเพียงแค่นาทีที่ 11 ก็มาได้ประตูนำ 0-1 จากการดักบอล แล้วจังหวะเข้าทำมีความลงตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งการยิงประตู ที่น้ำหนักดี ทิศทางเหลือร้าย นั่นจึงทำให้ ฟอเรสต์ ต้องหาทางเอาคืน แต่รูปแบบเกมรุกยังไม่เข้าที่ จนในครึ่งหลังมีการปรับแท็กติกด้วยการวางบอลให้ คริส วู้ด กระทั่งตามตีเสมอ 1-1 จากการหันหลังให้ประตู แล้วโขกเสยแบบเหนือชั้น ส่วนช่วงเวลาที่เหลือ แม้ว่าประสาทเรือนแก้ว จะบุกได้น้อยกว่า แต่มีโอกาสจะน็อคเจ้าถิ่นอยู่เหมือนกัน หากบอลไม่พุ่งไปชนเสาเสียก่อน
แอสตัน วิลล่า 2-0 วูล์ฟแฮมป์ตัน
วูล์ฟแฮมป์ตัน มาบุกสู้ แต่ แอสตัน วิลล่า ที่มีโอกาสจบสกอร์ไม่กี่ครั้ง กลับมีโอกาสลุ้นที่ใกล้
เคียงกว่า กระทั่งนาทีที่ 36 วิลล่ามาได้ประตูนำ 1-0 จากฟรีคลิกลูกสูตร ที่แผนเกือบล่มเพราะติดแนวรับ แต่บอลก็ยังเลยไปถึงตัวที่อยู่ด้านไกล ที่เข้ามาซัดแบบเอาแรงเข้าว่า ส่วนเกมในครึ่งหลัง สิงห์ผยอง มาบวกประตู 2-0 จากลูกชิพหลังเท้า แล้วบอลเกิดไซร์ก้อยจนเลี้ยวเข้าประตูไป จบเกม สิงห์ผยองยังคงเกาะกลุ่มท็อปโฟร์แบบเหนียวแน่นต่อไป
เบรนท์ฟอร์ด 1-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เป็นเกมที่ เบรนท์ฟอร์ด ต้องรู้สึกเสียดาย แม้จะได้ 1 แต้ม จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะในเกมนี้มีโอกาสครองบอล จบสกอร์ จนบอลชนเสา ชนคานอยู่หลายหน กระทั่งนาทีที่ 90+6 เหมือนฟ้าผ่ากลางสนาม เมื่อ เม้าส์ ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมา ซัดให้ แมนยู นำ 0-1 แต่สุดท้ายโลกก็ยังมีความยุติธรรม เมื่อ เบรนท์ฟอร์ด มายิงตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 90+8 เซฟ 1 แต้ม ไม่ให้คาบ้าน
ลิเวอร์พูล 2-1 ไบร์ทตัน
เกมเริ่มมาได้ 2 นาที ไบรท์ตัน ลากบอลขึ้นมา
แบบไร้การป้องกันที่ดี อีกทั้ง เวลเบค ก็ตะบันยิงแบบสุดสวย จนไม่ต้องคิดจะบินเซฟอีกต่อไป จากนั้น ลิเวอร์พูล พยายามบุกหนัก แล้วมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 27 จากลูกสกัดไม่เต็มเท้า ทำให้ ดิอาซ ปรี่เข้าไปซัด ขณะเดียวกัน ซาลาห์ คือคนที่ได้จบสกอร์มากที่สุด แต่ดันยิงทิ้งขวางโอกาสไปมากมาย กระทั่ง นาทีที่ 65 ก็ได้ปลดล็อกตัวเองด้วยยิงประตูชัย 2-1 จบเกมขึ้นนำจ่าฝูง ก่อนที่คู่เอกจะลงแข่งในช่วงดึก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 อาร์เซน่อล
เป็นเกมเดิมพันตัดสินแชมป์ และผู้ชนะจะได้รั้งตำแหน่งจ่าฝูง ซึ่งทางฝั่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เก็บบอล ครองบอล ไว้แทบจะฝ่ายเดียว ตรงข้ามกับอาร์เซน่อล ที่เน้นรับเหนียวแน่น จนสามารถทำอะไรกันได้ สุดท้ายแบ่งแต้มด้วยสกอร์ 0-0