
ข่าวการเซ็นสัญญาของ ไนกี้ กับ ทีมชาติเยอรมัน ได้กลายเป็นข่าวที่ฮือฮาไปทั่วโลก เพราะแบรนด์เจ้าเก่าอย่าง อดิดาส คือ บริษัทกีฬาสัญชาติเยอรมัน และอยู่คู่กับเสื้อทัพอินทรีเหล็ก มายาวนานถึง 70 ปี หรือตั้งแต่ปี 1954 นั่นจึงทำให้การปิดดีลนี้ของ ไนกี้ ไม่ต่างกับการบุกถ้ำเสือ อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ มันไม่ได้มาจากปัจจัยเรื่องผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว หากแต่ต่างฝ่าย ต่างไม่สามารถสนับสนุนกันและกันได้เต็มที่ ทำให้บุคคลที่ 3 ซึ่งเพียบพร้อมกว่า ได้สิทธิ์การสนับสนุนเสื้อแข่งทีมชาติเยอรมัน ไปครอบครอง
อดอล์ฟ ดาสเลอร์ สู่ชื่อแบรด์ “อดิดาส”

ผลิตภัณฑ์กีฬาอดิดาส มีจุดเริ่มต้นมาจากพี่-น้อง อดอล์ฟ และรูดอล์ฟ ในปี 1924 แต่ต่อมาได้มีปัญหากัน จนต้องแยกทางกันไป โดย รูดอล์ฟ ไปตั้งบริษัทใหม่ชื่อในชื่อ พูม่า ขณะที่ อดอล์ฟ ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ อดิดาส ในปี 1949 แล้วทั้งคู่ก็ได้กลายเป็นคู่แข่งทางการตลาดที่ดุเดือดต่อกันนับตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนสัญลักษณ์ 3 ขีด อันเป็นเอกลักษณ์ อดอล์ฟ ได้ซื้อมาจาก คาร์ฮู สปอร์ตส์ ผลิตภัณฑ์กีฬาของฟินแลนด์ ในปี 1952
ฟุตบอลโลกปี 1954 ทีมเยอรมัน ตะวันตก ได้สิทธิ์กลับมาลงแข่งในฐานะเจ้าภาพ หลังจากโดนแบนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยบริษัทของ อดอล์ฟ รับหน้าที่ผลิตชุดแข่ง และรองเท้าสตั๊ด ให้กับขุนพลอินทรีเหล็ก ส่วนการแข่งขันที่ดำเนินไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ก็ได้เกิดจุดเปลี่ยน เมื่อสนามแข่งขันมีฝนตก และค่อนข้างลื่น แต่แบรนด์กีฬาของ อดอล์ฟ ก็ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เมื่อมีการเตรียมรองเท้าสตั๊ดที่สามารถไขสกูร มีน้ำหนักเบา และสามารถยึดเกาะพื้นสนามได้ดีกว่า จนสามารถยิงแซงชนะ ฮังการี 3-2 คว้าแชมป์โลกสมัยแรกได้สำเร็จ
ในปี 1972 อดิดาสได้เริ่มนำสัญลักษณ์ใบไม้สามใบ มาใช้ในชื่อที่เรียกว่า The Trefoil logo ในโอลิมปิกปี 1972 ที่มิวนิค ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะกลับมาใช้สัญลักษณ์ 3 ขีด ส่วนสัญลักษณ์ใบไม้สามใบ ก็ได้กลายเป็นตัวแทนของอดิดาสคลาสสิกนับตั้งแต่นั้น
ไนกี้ เคยยื่นข้อเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ ไนกี้ ให้ความสนใจจะเข้ามาสนับสนุนชุดแข่งทีมชาติเยอรมัน เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2006 ก็เคนยื่นข้อเสนอ บวกกับให้เงินมากกว่า หากแต่ความเป็นชาตินิยม และการมีหุ้นส่วนของสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่อยากให้ทีมชาติของตัวเองใช้แบรนด์กีฬาในประเทศ ดีกว่าเปิดโอกาสให้ผลิตภัณฑ์กีฬาจากต่างประเทศอย่าง ไนกี้ ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญจาก สหรัฐอเมริกา
เงิน คือ ปัญหาสำคัญ
อดิดาส มียอดกำไรที่ลดลงในช่วงหลัง ฉะนั้นอะไรที่สิ้นเปลืองงบประมาณ แบรนด์กีฬา 3 ขีด ก็จะตัดทิ้ง อาทิ การยกเลิกเป็นพันธมิตรกับ Kenye West หรือ Ye ที่มีประเด็นการเยียดเชื้อชาติ และต่อต้านชาวยิว หรือการเสนอเงินปันผล ที่ไม่สามารถเพิ่มจากสัญญาเดิมได้
ส่วนทางฝั่ง ทีมชาติเยอรมัน หลังจากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 พวกเขาก็มีผลงานดำดิ่งลงแบบชัดเจน โดยเฉพาะการตกรอบแรกฟุตบอลโลกใน 2 ครั้งล่าสุด นั่นจึงทำให้เงินรางวัล เงินสนับสนุน สปอนเซอร์ และปัญหาจากโควิด-19 ได้มีผลให้ เดเอฟเบ ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จนไม่มีงบประมาณเพียงพอต่อการบริหารงานภายใน ทำให้ในฝั่งของ เดเอฟเบ ต้องหาหนทางนำเงินเข้าสู่องค์กร เพื่อให้การบริหารงานดำเนินต่อไปได้
ไนกี้ คือ ตัวเลือกที่ยากจะปฏิเสธ
ในเมื่อ เดเอฟเบ มีเป้าหมายที่จะหาเงิน เพื่อรักษาสภาพคล่องภายใน แล้วไนกี้ ได้ยื่นข้อเสนอ 100 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งมากกว่าข้อเสนอจาก อดิดาส ที่ให้ได้แค่ 50 ล้านยูโร เท่านั้น นั่นจึงทำให้ดีลนี้สำเร็จลุล่วง แม้จะต้องตามมาด้วยเสียงวิจารณ์จากทั่วทุกสารทิศ แต่นี่ก็เป็นเพียงไม่กี่วิธี ที่จะช่วยให้ เดเอฟเบ มีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น ส่วนทางฝั่ง ไนกี้ การได้เข้ามาสนับสนุนทีมชาติที่ไม่เคยใช้แบรนด์อื่นมาก่อน จะดึงดูดความสนใจจากแฟนบอลได้มากทีเดียว หรือดีไม่ดี นี่อาจเป็นเพียงครั้งแรกและครั้งเดียว ที่แบรนด์กีฬาจากสหรัฐเมริกา จะได้มีโอกาสเข้ามาทำชุดแข่งให้ทัพอินทรีเหล็ก ฉะนั้นตลอด 7 ปี ที่ได้เซ็นสัญญาร่วมกัน ไนกี้ จะต้องพยายามฟันกำไรให้ได้มากที่สุดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ดี แม้ อดิดาส จะต้องแยกทางกันเดินกับ ทีมชาติเยอรมัน แต่ แบรนด์กีฬา 3 ขีด นี้ ก็ยังคงเป็นแบรนด์ อันดับ 1 สำหรับทีมชาติเยอรมัน เมื่อมองจากความสัมพันธ์ที่อยู่ร่วมกันสร้างความสำเร็จมานานถึง 70 ปี รวมถึงความเป็นชาตินิยมที่เข้มข้นของคนบ้านเดียวกัน แต่ อดิดาส ก็ต้องกลับไปทำงานให้หนัก เพื่อให้การยื่นข้อเสนอในอนาคต ไม่เป็นรองคู่แข่งเมื่อเช่นในครั้งนี้อีก